บัตรเครดิตถ้าหากว่า วางแผนใช้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ไม่ติดแบล็คลิสต์

ในปัจจุบันนั้นเราต้องยอมว่าทางธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์ทางเงินมาให้เราได้เลือกสมัครกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น บัตรเงินสด บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือสินเชื่อต่างๆ เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ที่เราได้ยกตัวอย่างไปนั้นมันก็จะมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นก่อนที่เราจะเลือกสมัครผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใดนั้น เราก็ควรที่จะศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้นให้ดีเสียก่อน
เพราะว่ามันก็จะมีทั้งที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยนั่นเอง และในวันนี้สำหรับใครก็ตามที่ได้เลือก สมัครบัตรเครดิต ไว้ใช้งานนั้น เราก็อยากที่จะให้ทุกคนได้วางแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละเดือนของเราให้ดี เพราะไม่เช่นนั้นเราได้เป็นหนี้บัตรเครดิตแน่ๆ เนื่องจากว่าดอกเบี้ยมันจะเพิ่มพูนมากขึ้นหากเราชำระหนี้ไม่ครบหรือไม่ตรงเวลา และในวันนี้เราก็มีวิธีการป้องกันไม่ให้เราเป็นหนี้บัตรเครดิตมาฝากทุกคนกันด้วย
1. เราต้องพยายามไม่ใช้จ่ายเกิน 30% ของวงเงิน บัตรเครดิต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าเรา สมัครบัตรเครดิต และทางธนาคารอยนุมัติวงเงินบัตรเครดิตให้เราไว้ที่ 50,000 บาท เราก็ต้องพยายามใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในแต่ละเดือนเพียง 30% ซึ่งก็คือ 15,000 บาท เท่านั้น ซึ่งเราอาจจะใช้จ่ายมากกว่านั้นก็ได้ แต่เราก็ต้องแน่ใจด้วยว่าเราสามารถหาเงินมาชำระคืนได้เต็มจำนวนที่เราได้ใช้จ่ายไปนั่นเอง หรือเราอาจจะติดต่อกับทางธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อจำกัดการใช้วงเงินบัตรเครดิตของเราก็ได้ ถ้าหากว่าเราไม่สามารถควบคุมการใช้เงินของตัวเองได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยไม่ให้เราใช้บัตรเครดิตมากเกินไปจนเราจ่ายคืนไม่ไหว
2. เราต้องชำระหนี้ บัตรเครดิต บิลที่ธนาคารเรียกเก็บเต็มจำนวน เพราะการที่เราชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวนนั้นมันจะช่วยทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเราก็จะต้องชำระหนี้ภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยตามที่ธนาคารกำหนดไว้ด้วย ซึ่งวิธีการนี้เรียกได้ว่า เป็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินทุกคนแนะนำกัน หรือถ้าหากว่าเราไม่สามารถชำระบิลค่าบัตรเครดิตได้เต็มจำนวน เราขอแนะนำว่าอย่าชำระเพียงแค่ขั้นต่ำเด็ดขาด ทั้งนี้ก็เพราะว่าเงินต้นของเรานั้นไม่ได้ลดลงไปด้วยนั่นเอง ซึ่งการจ่ายขั้นต่ำนั้นก็เหมือนกับการจ่ายเพื่อไม่ให้เครดิตเสียเท่านั้น และมันก็จะเป็นการทำให้เรามีหนี้บัตรเครดิตไปอีกนาน
3. เราต้องชำระค่าบัตรเครดิตให้ตรงเวลา เพราะนอกจากการชำระหนี้อย่างเต็มจำนวนแล้ว การชำระให้ตรงเวลานั้นก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการให้มีประวัติการเป็นหนี้ เพราะว่าเรารู้กันดีถ้าหากว่าเรามีประวัติไม่ดี แบ้วในอนาคตเราจำเป็นต้องกู้สินเชื่อใดกับธนาคารนั้นเราก็อาจจะได้รับการอนุมัติที่ยากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้การชำระหนี้ไม่ตรงเวลานั้นมันก็ยังทำให้เราเสียดอกเบี้ยเสีและค่าธรรมเนียมในการติดตามทวงถามหนี้ด้วย ซึ่งการทวงทีหนึ่งนั้นทางธนาคารก็คิดเงินเราตั้ง 200-300 บาท ซึ่งมันจะทำให้เราสูญเงินไปเปล่าประโยชน์