ขาขึ้น และ ฟันด์โฟลว์
พลวัต 2016
วิษณุ โชลิตกุล
เมื่อวานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดตัวพุ่งแรงอีกครั้ง บวกไป 18.84 จุด ที่ระดับ 1,509.78 จุด โดดเด่นกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค ด้วยมูลค่าซื้อขายที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53,456.75 ล้านบาท
หุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นกลุ่มที่โดดเด่น แทนที่หุ้นกลุ่มพลังงานอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเพราะใกล้ประกาศงบกลุ่มนี้ก่อนใคร และคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี จากการที่ NPL ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้การตั้งสำรองลดลงได้ ส่งผลให้กำไรของกลุ่มแบงก์น่าจะเติบโตได้ รวมไปถึงน่าจะเป็นกลุ่มที่สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้ด้วย
เส้นกราฟแสดงสัญญาณทางเทคนิคระบุชัดเจนว่า ดัชนีตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นชัดเจน แต่ยังเปราะบาง เพราะว่าสถานการณ์โดยรวมของตลาด ยังเร็วเกินไปที่จะเชื่อว่า ภาวะกระทิงระลอกใหม่ยังดำเนินการต่อไป
เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะว่าคำอธิบายยังคงลักลั่นกัน และพฤติกรรมการซื้อขายของหลายกลุ่มก็ยังทำให้ต้องระวังตัวกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้คือ
- ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังจากแข็งค่ามายาวนาน แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเพราะค่าดอลลาร์แข็งขึ้นต่อเนื่อง หรือเพราะต่างชาติจะถอนตัวจากไป
- ต่างชาติขายสุทธิแรงทั้งในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ในระยะสั้น โดยเฉพาะใน SET50 Futures แต่ยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง ในตลาดตราสารหนี้
- ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่เริ่มกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ทำให้มีความกังวลว่าสายเหยี่ยวจะมีอิทธิพลกดดันให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในปลายปีนี้
- กระแสการไหลของเงินล้นเกินจากตลาดยุโรปจะย้ายมาเอเชียมากขึ้น เพราะหลบหนีผลพวงของกรณีดอยช์แบงก์ และการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรปที่เริ่มต้นขึ้นในต้นปีหน้า
- ทิศทางราคาน้ำมัน ยังต้องวางน้ำหนักที่ผลข้อตกลงในการตรึงหรือลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของชาติส่งออกน้ำมัน ที่ดูจะสวนทางกับการหันกลับมาขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐระลอกใหม่
- งบการเงินไตรมาสสามของบริษัทจดทะเบียนไทย ในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 3-4 ปีนี้คาดว่าจะเติบโตดีเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน เป็นแรงหนุนตลาดหุ้นไทยดีกว่าหลายตลาดในเอเชีย อีกทั้งบ้านเราถือว่าปลอดภัยในการลงทุนในสายตาของต่างชาติ ในขณะที่ “ข่าวลือที่ไม่เป็นมงคล” ก็ยังคอยออกมารบกวนขาขึ้นของตลาดเป็นระยะๆ
- พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่ ที่รอประกาศใช้ในอีกไม่นาน ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลการเปิดเผยข้อมูลที่จะทำให้ไม่เกิดการเอาเปรียบจากการใช้ข้อมูลวงในว่าเข้มงวดมากน้อยเพียงใด และทำลายบรรยากาศการลงทุนในตลาดมากน้อยเพียงใด
ตัวแปรเหล่านี้มีส่วนขับเคลื่อนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ คำถามสำคัญอยู่ที่ว่าตัวแปรไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน
คำตอบคือ ในยามที่เงินทุนล้นเกินความต้องการของภาคการผลิตและบริการ ทำให้เงินทุนเหล่านั้น จนต้องเพ่นพ่านไปกับกระแสโลกาภิวัตน์ในตลาดเก็งกำไรทั่วโลกผ่านแครี่ เทรด ยังคงเป็นปัจจัยชี้ขาดโมเมนตัมของตลาดหุ้นเหนือปัจจัยอื่นๆ
สำหรับตลาดหุ้นไทย โชคดีที่ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและระยะต่อไป ถือว่ามีความโดดเด่นมากกว่าชาติอื่นๆ นั่นคือ มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศสูงมาก และจีดีพีของประเทศเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ล่าสุดวานนี้ ที่ประชุม กกร. ได้ทำการปรับอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ เป็น 3.3-3.5% จากเดิมที่ประมาณการไว้ 3.0-3.5% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการส่งออกหดตัวระหว่าง -2.0% ถึง 0.0% และในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตดีกว่าปีนี้ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตอยู่ที่ 3.5-4.0% และคาดการณ์การส่งออกเติบโต 0.0 ถึง 2.0% เนื่องจากจะมีเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และการเติบโตของการค้าชายแดน
นอกจากนั้น ดัชนีเศรษฐกิจของไทยหลายรายการก็เป็นบวกชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น 1) ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนส.ค. อยู่ที่ระดับ 106.91 สูงสุดในรอบ 40 เดือน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.1% 2) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 59 เพิ่มเป็น 3.2% (จากเดิม 3.0%) และ3) ตัวเลขหนี้สาธารณะคงค้างยังต่ำ อยู่ที่ 5.95 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.89% ของจีดีพี
ในระดับประเทศ การที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปรับปรุงขั้นสุดท้ายประจำไตรมาสที่ 2 ได้ขยายตัว 1.4% สูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 1.1% และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ในเดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 104.1 ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งล่าสุด ผสมเข้ากับข่าวดีจากการที่เศรษฐกิจจีนดีขึ้น โดยเห็นได้จากกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบ 3 ปี และเศรษฐกิจของชาติส่งออกน้ำมันดีขึ้น จากการกระเตื้องขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ก็มีส่วนทำให้ความคาดหวังว่าปีหน้าเศรษฐกิจโลกและไทยจะดีกว่าปีนี้
ตลาดหุ้นไทย ที่มีเบื้องหลังความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกรองรับเช่นนี้ น่าจะได้รับปัจจัยบวกในระยะต่อไป แต่สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูงแล้ว การระวังรอบคอบ เป็นสิ่งที่จะต้องยึดให้มั่นเอาไว้ เพื่อความไม่ประมาท
ขาขึ้นและฟันด์โฟลว์ที่ดำเนินมายานนานหลายเดือน น่าจะยังมีบทบาทในตลาดหุ้นไทยไปอีก อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้
ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก