ตัวอย่างการลงทุนแบบมุ่งเน้นที่ประสบความสําเร็จจากอดีตย้อนหลังไป 59 ปี จนถึงปัจจุบัน ดังนี้ คือ :
1) ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1960 - 1970 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )
2) สินค้าโภคภัณฑ์ 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1970 - 1980 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )
3) หุ้นในตลาดหุ้น Nikkei 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1980 - 1990 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )
4) หุ้นดอดคอม 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1990 - 2000 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )
5) ทองคํา 11 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 2000 - 2011 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )
6) หุ้น Apple Inc. 8 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 2011 - 2019 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )
หมายความว่า " ถ้าเราซื้อหุ้นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ในปี ค.ศ 1960 แล้วขายในปี พ.ศ 1970 แล้วซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในปี ค.ศ 1970 แล้วขายในปี ค.ศ 1980 แล้วซื้อหุ้นในตลาดหุ้น Nikkei ในปี ค.ศ 1980 แล้วขายในปี ค.ศ 1990 แล้วซื้อหุ้นดอดคอมในปี ค.ศ 1990 แล้วขายในปี ค.ศ 2000 แล้วซื้อทองคําในปี ค.ศ 2000 แล้วขายในปี ค.ศ 2011 แล้วซื้อหุ้น Apple Inc.ในปี ค.ศ 2011 แล้วถือมาจนถึงปัจจุบันคือปี ค.ศ 2019โดยมีระยะเวลาการลงทุน 59 ปี เราจะรวยไม่รู้เรื่องเลยตอนนี้ แต่ถ้าเรากระจายการลงทุนในปี ค.ศ 1960 และ ซื้อหุ้นแบบเฉลี่ย เราจะไม่ได้เงินเลยเมื่อห้าสิบเก้าปีผ่านไป ไช่ เราสามารถกระจายการลงทุนและเราจะปลอดภัย แต่เราจะไม่มีทางรวย ( อ้างอิงและดัดแปลงมาจากบางส่วนบางตอนในหนังสือ STREET SMARTS โดย จิม โรเจอร์ เรื่องการลงทุนแบบมุ่งเน้น ) "
Charles Dawin ผู้ให้กําเนิดทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวไว้ว่า " สิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้ สามารถอยู่รอดได้ ไม่ไช่ เพราะ ความที่เขาแข็งแรงและฉลาดที่สุด แต่เป็นเพราะเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ต่างหาก "
และ ถ้านับจากการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โลกได้ผ่านพ้นความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมหลักต่างๆในอดีตมาแล้วไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน สานการบิน ค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรม ท่องเที่ยว โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ นํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เดินเรือ รับเหมาก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ ประกันชีวิต ประกันภัย อาหาร เครื่องดื่ม สิ่งพิมพ์ สินค้าอิเลคโทรนิกส์ เข่น ตู้เย็น พัดลม โทรทัศน์ แอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และ ได้เข้าสู่อุตสาหกรรม Internet, Social Media และ E-Commerce โดยสมบูรณ์ ซึ่งทําให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรกในปัจจุบันได้แก่ Apple, Amazon, Google, Microsoft และ Facebook
อุตสาหกรรม Internet, Social Media และ E-Commerce น่าจะยังคงครองความยิ่งใหญ่ในโลกนี้ไปอีกซัก 10 ปี ต่อจากนั้นก็น่าจะเป็นยุคของ Renewable Energy และ Electric Vehecle เมื่อมีการพัฒนาระบบ Storage จนมีประสิทธิภาพในการกักเก็บกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด และเมื่อถึงตอนนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Fossil Fuel เช่น นํ้ามัน ก๊าซธรมชาติ และ ถ่านหิน ก็น่าจะสูญพันธ์ไปจากโลกนี้
ต่อจากนั้นอีก 10 ปี ก็น่าจะเป็นยุค Cryptocurrency จะมาครองโลก และเมื่อถึงตอนนั้น ธนาคารพานิชย์ก็น่าจะสูญพันธ์ไปจากโลกนี้ เฉกเช่นเดียวกันกับ Kodak ที่ได้สูญพันธ์ไป และถูกแทนที่ด้วย Instragram ยังไงก็ยังงั้น!
เพราะฉะนั้น แผนการลงทุน 30 ปีของผู้โพสต์จึงมี ดังนี้ คือ :
1) ปี พ.ศ 2561 - 2563 ( 3 ปี ) - ลงทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพราะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และมีผลทําให้มีการย้ายฐานการลงทุนจากจีนไปยังประเทศอื่นๆรวมทั้งประเทศไทยด้วย และสุดท้ายจะไปกดดันให้รัฐบาลไทยเริงผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท และเขตเศรษฐกิอีอีซี ( EEC ) และจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยรวม ( แผนการลงทุนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง ) และสภาวะตลาดกระทิงเพราะดอกเบี้ย Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่
2) ปี พ.ศ 2564 ( 1 ปี ) - ชอร์ต 50 Index Futures หรือ Options เพราะฟองสบู่โลกแตก ( หนี้สินท่วมโลก และ ไม่สามารถทนแรงกดดันของสภาวะดอกเบี้ยที่สูงๆที่ Fed Fund Rate ที่ 3.00% ได้ ) ( แผนการลงทุนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง )
3) ปี พ.ศ 2565 - 2570 ( 6 ปี ) - ลงทุนในธุรกิจถ่านหิน เพราะ เศรษฐกิจจีนโตได้ดี ( เกิน 7% ) หลังผ่านพ้นฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564 แล้ว ( แผนการลงทุนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง )
4) ปี พ.ศ 2571 - 2580 ( 10 ปี ) - ลงทุนใน Renewable Energy และ Electric Vehecle เพราะ น่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่ครองความยิ่งใหญ่ในโลกในขณะนั้น( แผนการลงทุนที่ขยายออกไปเนื่องจากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต )
5) ปี พ.ศ 2581 - 2590 ( 10 ปี ) - ลงทุนใน Cryptocurrency เพราะ น่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่ครองความยิ่งใหญ่ในโลกในขณะนั้น ( แผนการลงทุนที่ขยายออกไปเนื่องจากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต )