ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดพอร์ตหุ้น "กบข"

โดย โจ๊กเกอร์
เผยแพร่ :
61 views

“Asset Allocation” กุญแจสู่ความสำเร็จในการลงทุน... ไตรมาสแรก “กบข.” ลดน้ำหนัก ‘หุ้นโลก’ เพิ่ม ‘หุ้นไทย’ ในพอร์ต !!!

สาระ Fund วันละนิด: วันนี้จะพามาส่องพอร์ตของนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ในตลาดทุนไทยอย่าง “กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ” (กบข.) กันบ้าง


ด้วยขนาดเม็ดเงินภายใต้การบริหารในส่วนของสมาชิกถึง 450,195 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 มี.ค. 22) กระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศไปในสินทรัพย์ถึง 17 ประเภทด้วยกัน


มีเงินลงทุนใน “ตลาดหุ้นไทย” กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว !!!


จึงถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนสถาบันที่นักลงทุนทั่วไปสามารถจะมองเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในเรื่องของ “การจัดสรรเงินลงทุน” (Asset Allocation) ได้เป็นอย่างดี


พอร์ตของ “กบข.” จะลงทุนในอะไรบ้างนั้น? ตามทีมงาน ‘Wealthythai’ ไปค้นหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย



“กบข.” ลดน้ำหนัก
‘การลงทุนตปท.’ ในไตรมาสแรกลง...เพิ่มสัดส่วน “หุ้นไทย” และ “การลงทุนทางเลือก” ขึ้น

รู้หรือไม่ว่า?...องค์ประกอบของผลตอบแทนระยะยาวมาจาก “การจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation)” 91.5%, “การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ลงทุน (Stock Selection)” 4.6%,“การจับจังหวะตลาด (Market Timing)” 1.8% และที่เหลือมาจากปัจจัยอื่นๆ อีก 2.1% (ที่มา:“Determinants of Portfolio Performance” Gary Brinson, Randolph Hood and Gilbert Beebower)


จึงไม่น่าแปลกใจที่ทาง “กบข.” เองซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีการลงทุนทั่วโลกก็ยืนอยู่บนหลักการของความำสเร็จนี้เช่นเดียวกัน “ไม่จำกัดการลงทุน” เฉพาะอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น เรียกว่ามีโมเดลการลงทุนระดับมาตรฐานสากลเลยทีเดียว ณ สิ้นไตรมาสที่1/22 นั้น มีเงินลงทุน 450,195 ล้านบาท กระจายไปใน 17 สินทรัพย์ แบ่งเป็น “กลุ่มตราสารหนี้” 7 ประเภท “กลุ่มสินทรัพย์ทางเลือก” 7 ประเภท และ “กลุ่มหุ้น” อีก 3 ประเภท

 

“ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา กบข. มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศลงเพื่อรับมือความผันผวนในตลาดโลก โดยหุ้นโลกลดเหลือ 10.85% (สิ้นปี21 อยู่ที่ 13%) และตราสารหนี้โลกลดเหลือ 9.28% (สิ้นปี21 อยู่ที่ 10%) ในขณะที่เพิ่มสัดส่วนของการลงทุนทางเลือกขึ้นเป็น 22.90% (สิ้นปี21 อยู่ที่ 21%) และเพิ่มหุ้นไทยขึ้นเป็น 5.79% (สิ้นปี21 อยู่ที่ 5%) ทั้งนี้ยังคงน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ไทยใกล้เคียงเดิมที่ 51.18% (สิ้นปี21 อยู่ที่ 51%)”



ลงทุน “หุ้นไทย” กว่า
2.6 หมื่นล้านบาท...ถือ “PTT” มากสุดในพอร์ต 7.31%

ทั้งนี้ จะพบว่า “กบข.” เองมีการ “กระจายความเสี่ยง” (Diversification) ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่วน สำคัญ ได้แก่


-กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน คือลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, กองทุนอสังหาริมทรัพย์, การลงทุนทางเลือก เป็นต้น


-กระจายลงทุนในหลายอุตสาหกรรม ไม่จำกัดแค่กลุ่มใดๆ กลุ่มหนึ่ง เช่น เทคโนโลยี, สุขภาพ, การเงิน เป็นต้น


-กระจายข้ามตลาด ประเทศ และค่าเงินทั่วโลก คือแบ่งเงินกระจายไปลงทุนในต่างประเทศด้วย


-กระจายช่วงเวลา ด้วยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะโอกาสการลงทุนมีอยู่เสมอ ไม่ไปจับจังหวะตลาด


ที่สำคัญยังมีการ “ปรับน้ำหนัการลงทุน” ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ลงทุนที่เปลี่ยนไปอีกด้วย

“ในส่วนของหุ้นไทยเอง มีเม็ดเงินลงทุนอยู่กว่า 2.6 หมื่นล้านบาทนั้น ก็มีการกระจายทั้งตัวหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมต้องตามตำราเช่นกัน โดยหุ้น Top10 ที่กบข. ถือมากสุดนั้น ได้แก่ PTT, AOT, ADVANC, GULF, KBANK, SCB, BDMS, PTTEP, MAKRO และ CRC


โดย 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนมากสุด มีสัดส่วน 62.73% ของพอร์ต ประกอบด้วย


-พลังงานและสาธารณูปโภค              20.94%

-พาณิชย์                                      13.60%

-ธนาคาร                                      13.02%

-ขนส่งและโลจิสติกส์                       9.44%

-อาหารและเครื่องดื่ม                      5.73%



ลุย “หุ้นตปท.” กว่า
4.9 หมื่นล้านบาท...เน้น “ตลาดพัฒนาแล้ว” มากกว่า “ตลาดเกิดใหม่”

แม้ในช่วงไตรมาสแรกทาง “กบข.” จะปรับลดสัดส่วนการลงทุนใน “หุ้นโลก” ลงก็ตาม แต่ “หุ้นต่างประเทศ” ก็ยังเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ในพอร์ตหุ้นของกบข. อยู่นั่นเอง โดยมีเม็ดเงินรวมกันประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท กระจายไปใน 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

>หุ้นโลกตลาดพัฒนาแล้ว มีสัดส่วนหลักประมาณ 7.75% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนมากสุด 5 อันดับแรก มีน้ำหนักรวมกัน 73.99% ได้แก่


-Information Technology                            19.19%

-Health Care                                           18.50%

-Consumer Discretionary                           14.66%

-Industrials                                             11.04%

-Communication Services                          10.60%

>หุ้นตลาดเกิดใหม่ มีน้ำหนักในพอร์ตหุ้น 3.10% โดย 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ลงทุนมากสุดมีน้ำหนักรวมกัน 67.88% ประกอบด้วย


-Information Technology                            21.18%

-Consumer Discretionary                           14.51%

-Financials                                              13.55%

-Communication Services                          11.20%

-Consumer Staples                                   7.44%


หากดูพอร์ตการลงทุนของ “กบข.” แล้ว น่าจะทำให้นักลงทุนทั่วไปเห็นชัดในเรื่องของความสำคัญใน “การจัดสรรเงินลงทุน” (Asset Allocation) ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ลงทุนที่เปลี่ยนไป หากสามารถประยุกต์ใช้กับพอร์ตการลงทุนของตัวคุณเองก็เชื่อว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

 


โจ๊กเกอร์