ยิ่งเสี่ยงสูง ยิ่งได้ผลตอบแทนสูง จริงเหรอ ?

.
“คุณคิดว่าความเสี่ยงในโลกการลงทุน คืออะไร ?” คำถามสุดแสนเรียบง่าย แต่เชื่อมั้ยว่าไม่ว่าเราจะถามนักการเงินซักกี่คน คำตอบที่ได้จะเหมือนกันเป๊ะ ๆ เลย 

.
ถ้าให้ 100 คน มาตอบคำถามนี้ โดยแบ่งเป็นนักการเงิน 20 คน และคนทำอาชีพอื่น ๆ อีก 80 คน ชุดคำตอบที่ได้จะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ คือ
.
นักการเงิน 20 คนจะตอบว่า ความเสี่ยง คือ ความผันผวนของราคา (การแกว่งขึ้นลงของราคา) แต่ที่เหลืออีก 80 คนจะตอบว่า ความเสี่ยงของการลงทุน คือ การขาดทุน (โอกาสสูญเสียเงินต้น)
.
.

.
เหตุผลเป็นเพราะทฤษฎีทางการเงินที่ใช้เรียนกันอยู่มักจะสอนว่า ความเสี่ยง คือการเหวี่ยงขึ้นลงของราคา ถ้าไม่เชื่อลองไปถามเพื่อน ๆ ที่เรียนด้านการเงินกันได้เลยครับ
.
ซึ่งมันก็จริงอยู่ที่การเหวี่ยงขึ้นลงของราคาจะทำให้เรารู้สึกกังวล จนคิดไปว่ามันคือความเสี่ยงที่แท้จริง (บางคนกังวลมากจนนอนไม่หลับ) แต่ถ้าคิดให้ดีจะพบว่ารากฐานของความกังวล ก็มีที่มาจากความกลัวว่าจะขาดทุนนั่นล่ะ
.
ทีนี้ถ้าเราเชื่อว่า ความเสี่ยง คือ ความผันผวนของราคาหุ้น นั่นแปลว่าถ้าเราอยากลดความเสี่ยง เราต้องไปถือหุ้นที่ราคาผันผวนน้อย ไม่ขึ้นไม่ลง นิ่ง ๆ อยู่กับที่ โดยไม่สนใจเลยว่าบริษัทนั้นจะดีหรือจะแย่
.
แต่แบบนั้นก็คงไม่ได้ผลตอบแทนในการลงทุนซักเท่าไหร่ เพราะราคาหุ้นไม่ไปไหนเลย ดังนั้นถ้ามองอีกมุม สิ่งที่ต้องทำเมื่ออยากได้ผลตอบแทนสูง ๆ ก็คือการลงทุนในหุ้นที่ราคาผันผวนสูง เพื่อหวังให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
.
นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า High Risk, High Return (ยิ่งเสี่ยงสูง ยิ่งได้ผลตอบแทนสูง)
.
.

.
จะตอบคำถามนี้ได้ เราลองไปดูตัวอย่างจากเซียนหุ้นระดับโลกกัน เช่น ปีเตอร์ ลินช์ หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทั้งคู่คือตำนานที่สร้างผลตอบแทนต่อปีได้สูงอย่างน่าเหลือเชื่อ
.
ซึ่งถ้าใครเคยอ่านแนวความคิดการลงทุนของทั้งคู่มาบ้าง จะพบว่าไม่เคยเลยที่พวกเขาจะแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่ราคาแกว่งตัวขึ้นลงแรง ๆ
.
กลับกัน ผลตอบแทนระดับตำนานของพวกเขา มาจากแนวคิดที่ว่าจะลงทุนอย่างไร ให้มีความเสี่ยงต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยยังได้ผลตอบแทนที่สูงที่สุด
.
.
“เข้าใจในสิ่งที่กำลังลงทุนอยู่ เพราะหุ้นไม่ใช่หวย !! เบื้องหลังหุ้นทุกตัวมีบริษัทกำลังดำเนินงานอยู่”
- ปีเตอร์ ลินช์ - 

.
การทำความเข้าใจในหุ้นหรือบริษัทที่เรากำลังลงทุนอยู่ รู้ว่าเราซื้อหุ้นตัวนี้มาทำไม มันดียังไง หุ้นตัวนี้ทำธุรกิจอะไร ความเข้าใจพวกนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้มากเลย
.
.
“3 คำที่สำคัญที่สุดในโลกการลงทุนคือ Margin of Safety”
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ - 

.
Margin of Safety คือ ส่วนต่างเพื่อความปลอดภัย หรือ แปลเป็นไทยอีกที คือ การซื้อหุ้นตอนที่ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของมัน
.
เช่น การลงทุนในหุ้นตัวเดียวกัน แต่คนหนึ่งลงทุนตอนที่มันราคา 15 บาท แต่อีกคนลงทุนตอนราคา 30 บาท โอกาสได้กำไรหรือขาดทุน ก็ไม่เท่ากันแล้ว
.
.

.
แต่มันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในโลกการลงทุนจริง ๆ อย่างที่เราเห็นแนวคิดการลงทุนของเซียนหุ้นระดับโลกที่รอคอยโอกาสการลงทุนในช่วงที่ความเสี่ยงต่ำ เพื่อหวังผลตอบแทนสูง ๆ นั่นเอง
.
.
