ห้องเม่าปีกเหล็ก

เอสเอ็มอีชํ้า

โดย dave
เผยแพร่ :
67 views

เอสเอ็มอีชํ้า บี้สอบซอฟต์โลน ร้องธปท.คุ้ยโควต้ารายแบงก์-ค่าต๋ง

เอสเอ็มอีรายเล็กร้องระงม เจอแบงก์โขกกู้ซอฟต์โลนกินค่าต๋ง 2% คิดดอกเบี้ยอีก 4% ต้นทุนแพงกว่า MLR ร้องธปท.ตรวจสอบด่วน รับแจ้งว่าเงินหมด ขอเว้นค่าวิเคราะห์ ค่าบริการจิปาถะ มหากาพย์ปัญหาเงินกู้ซอฟต์โลนดอกเบี้ยตํ่าไม่เกิน 2% บานปลายเอสเอ็มอีเจอหนัก ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) พากันสอดไส้คิดบริการค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อ ค่าจัดสรรวงเงิน นอกเหนือจากดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ที่ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ย/ส่วนลด/ค่าปรับ/ค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมใดๆ อื่นอีก

มาตรการจัดสรรการใช้ซอฟต์โลนซึ่งเป็นวงเงินจากธนาคาร ออมสิน ธนาคารได้แจ้งกับลูกค้าจะปรับค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อจากเดิม 1-1.5% เป็น 2% และคิดอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี

 

กู้แพงกว่ารายใหญ่

แหล่งข่าวระบุว่า ซอฟต์โลน ของธนาคารออมสินที่ปล่อยผ่านธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำไปเปลี่ยน เครื่องจักรหรือเพิ่มประสิทธิภาพนั้น จะคิดดอกเบี้ยในอัตรา 4% ต่อปี แต่หากบวกค่าธรรมเนียมอีก ทำให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระดอกเบี้ยจ่ายรวม 6% ต่อปี ซึ่งสูงไปในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เสียอีก

นายชัยรัตน์ ไตรรัตน-จรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การขอกู้เงินภายใต้โครงการซอฟต์โลน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สนับสนุนอัตราดอกเบี้ยตํ่าพิเศษ 0.01% ผ่านสถาบันการเงิน เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในอัตราดอกเบี้ย 2% แต่ในทางปฏิบัติ
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลับได้รับข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่างๆ ถึงข้อเสนอการขอคิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ ส่งผลให้การกู้เงินที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นรวมแล้วร่วม 4-5%

“ภายใต้ซอฟต์โลนก้อนนี้ ถ้าเป็นลูกค้าเดิม ก็อาจเข้าไปเจรจาเป็นรายไปให้ยกเว้นคิดค่าธรรมเนียมบางรายการ อย่างค่าวิเคราะห์โครงการ หรือถ้ามีหลักทรัพย์คํ้าเดิม และต้องเพิ่มหลักทรัพย์ขึ้นไปอีก บางธนาคารอาจจะยอมยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ แต่ลูกค้าใหม่หรือที่มีวงเงินกู้เต็ม จะได้รับผลกระทบหนักมาก”

ทั้งนี้หลักๆ นอกจากอัตราดอกเบี้ย 2% แล้วธนาคารยังขอคิดค่าธรรมเนียมจัดการวงเงินกู้ ซึ่งจะหักจากวงเงินที่อนุมัติ เช่น ค่าธรรมเนียมการวิเคราะห์โครงการ ที่แต่ละธนาคารจะคิดไม่เท่ากัน อยู่ตั้งแต่ 1-3% ค่าวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ผู้ประกอบการนำไปคํ้าประกัน ค่าประกันคุ้มครองวงเงินกู้ (คำนวณเบี้ยจากวงเงินและอายุผู้กู้)

ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องการเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนเงื่อนไข โดยขอยกเว้นการคิดค่าบริการต่างๆเหล่านี้ ซึ่งหมาย รวมถึงวงเงินซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท ที่เป็นมาตรการ ล่าสุดที่รัฐจะช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่ภาวะปกติและอยากให้สถาบันการเงินเห็นใจธุรกิจเอสเอ็มอี มากกว่านี้ และเร่งการปล่อยสินเชื่อให้ได้จริงๆ ก่อนที่ทุกคนจะทยอยตายกันไปหมด

 

จี้้ธปท.สอบวงเงิน

นายกิตติศักดิ์ อุดมแดง-อร่าม นายกสมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทยและผู้บริหารบริษัท Silver Bar กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงิน รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนใหญ่ขาดสภาพคล่องและมีปัญหาเข้าไม่ถึงสินเชื่อซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาทที่ธปท.เปิดให้สถาบันการเงินยื่นคำขอเพื่อไปปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอี ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปีนาน 2 ปี ฟรีดอกเบี้ย 6 เดือนแรก (จ่ายคืนเฉพาะเงินต้น) และฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท ซึ่งในข้อเท็จจริงธนาคารไม่ได้คิดแค่ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% แต่ยังคิดค่าธรรมเนียมในการกู้อีก 3-4%

“บางธนาคารยังมีออพชันเสริมเช่นให้ซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพผู้บริหาร ซึ่งจะได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมแต่ถ้าไม่ทำก็จะคิดค่าธรรมเนียมปกติทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนในการกู้มากกว่า 2% แต่ที่สำคัญเวลานี้ มีสมาชิกสมาคมเราติดต่อไปหลายแบงก์ เพื่อขอกู้ซอฟต์โลน แต่ทางแบงก์บอกว่า โปรโมชันนี้วงเงินหมดแล้ว จึงขอให้ธปท.ช่วยตรวจสอบ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินได้อย่างแท้จริงในอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว”

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า มีสมาชิกสรท.ร้องเรียนเช่นกันว่า ธนาคารไม่ได้คิดแค่ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% แต่ยังบวกค่าธรรมเนียมต่างๆ ด้วย ซึ่งแต่ละแห่งจะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ดีผู้ว่าการ ธปท.ออกมาพูดว่า หากธนาคารใดไม่ปฏิบัติตาม อาจจะมีการริบเงินซอฟต์โลนคืนซึ่งต้องรอดูว่า จะเป็นอย่างไร

 

เข้าไม่ถึงแหล่งเงิน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องถามทางสมาคมธนาคารไทยว่า ธนาคารแต่ละแห่งคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือไม่เวลานี้ทราบแต่ว่า ผู้ประกอบ การโดยเฉพาะเอสเอ็มอีได้รับความเดือดร้อนมากจากโควิด-19 ส่วนใหญ่ร้องเรียนมาว่า กู้ยากขึ้นจากธุรกิจมีปัญหาสภาพคล่อง และต้องผ่อนจ่ายหนี้ขณะที่ธนาคารมีเกณฑ์ที่เข้มงวด เพราะกลัวความเสี่ยง

นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอี ไทยเผยว่า การเข้าถึงแหล่งเงินซอฟต์โลน ยังเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากเงิน 5 แสนล้านบาทไม่ได้ถูกแบ่งสัดส่วนมาให้กับรายเล็ก โดยสถาบันการเงินเอกชนจะเลือกปล่อยสินเชื่อให้กับรายใหญ่ ซึ่งเป็นลูกค้าที่ธนาคารมั่นใจ และเป็นลูกค้าเก่ามากกว่า เพราะมีความเสี่ยงน้อย และไม่ยุ่งยากในการติดตามหนี้ เรียกว่าให้เงินก้อนใหญ่ไปครั้งเดียวจะเหนื่อยน้อยกว่า

“เกณฑ์ในการเข้าถึงซอฟต์โลน ยังไม่ใช่เงื่อนไขที่ผ่อนปรนนัก เพราะเมื่อต้องอยู่ในรูปของสินเชื่อ สถาบันการเงินจะมีกฎเกณฑ์ของธปท.ที่ต้องปฏิบัติตาม และยังมีปัญหาเรื่องความเร็ว เพราะจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีความชัดเจนหรือหากจะให้ธนาคารผ่อนปรนมากขึ้น ก็ต้องมีผู้คํ้าประกัน ซึ่งหากมีบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.)เข้ามาช่วยและเพิ่มอัตราการคํ้าประกันหนี้เสียมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับพิจารณามากขึ้น”

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave