ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดโผ 16 หุ้นเด่น น่าลงทุนประจำเดือน มิ.ย.66

โดย missวิมลรัตน์
เผยแพร่ :
136 views

เปิดโผ 16 หุ้นเด่น น่าลงทุนประจำเดือน มิ.ย.66

ต้องยอมรับว่าในช่วงเดือนพ.ค.66 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนอย่างมาก ภายใต้ปัจจัยความกังวลต่างๆ ทั้งในเรื่องของนโยบายทางการเมือง รวมทั้ง Fund Flow ต่างชาติ ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยสูงสุดในภูมิภาค ซึ่งในเดือนดังกล่าวพบว่าใน SET นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 33,275.82 บาท โดยในเดือนดังกล่าวนักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิเพียง 2 วันเท่านั้น คือวันที่ 2 และ 8 พ.ค.66


แต่ในขณะที่ตัวเลขนักลงทุนสถาบันในเดือนเดียวกันมีการซื้อสุทธิรวมกว่า 30,069.40 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับนักลงทุนภายในประเทศที่ซื้อสุทธิรวมกว่า 4,870.80 ล้านบาท ส่วนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ก็ไม่น้อยหน้า เพราะขายสุทธิรวม 1,664.39 ล้านบาท


จากตัวเลขของนักลงทุนที่ซื้อขายดังกล่าว สำรวจเฉพาะแค่เดือน พ.ค.66 เท่านั้น ดังนั้นในแง่ของการลงทุนเดือนมิ.ย.66 ทิศทางจะยังคงเป็นแบบเดิม หรือจะดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน เราก็ยังคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด แต่ครั้งนี้ Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาถอดคำทำนายของนักวิเคราะห์ชั้นนำของประเทศว่าการลงทุนเดือนมิ.ย.66 จะน่าสนใจแค่ไหน


โดยมาเริ่มกันที่ มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ฉายภาพการลงทุนในเดือน มิ.ย. 66 ยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ทั้งในปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ


ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศแนะ ติดตามการประชุม Fed วันที่ 14 มิ.ย. ว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะหมดรอบขาขึ้นหรือไม่ ? ปัจจุบัน ตลาดคาดว่ามีโอกาสเห็น Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% มาอยู่ที่ 5.5% แต่จะเริ่มปรับลงในช่วงปลายปี 2566 กดดันสภาพคล่องในสินทรัพย์ เสี่ยงให้ลดลง รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าได้


ส่วนปัจจัยภายในประเทศ หลักๆ ติดตามความคืบหน้าตามกรอบเวลา ทางการเมือง ตามไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่คาดเร็วสุด 11 ส.ค. 66 พร้อมกับติดตามความคืบหน้านโยบายต่างๆ ใน MOU ของพรรค ร่วมรัฐบาล 23 ข้อ ที่ส่งกระทบต่อตลาดหุ้น อาทิ การปรับโครงสร้าง ค่าไฟฟ้า, การปฏิรูปที่ดิน, การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น


ในมุมกำไรบริษัทจดทะเบียน แม้กำไรงวดไตรมาส 1/66 ออกมา 2.67 แสน ล้านบาท เติบโต 57.8%จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 8.1%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าเป็นไปตามคาด แต่มุมมองกำไรไตรมาสที่ 2 ปกติจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก และ ที่สำคัญคือ ภาพรวมฐานกำไรฐานกำไรงวดไตรมาส 2/65 สูงมากถึง 3.55 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีหุ้นกำไรไตรมาส 2/66 ที่เติบโตโดดเด่นจำกัด


ขณะที่ในมุม Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย จนสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยทางตรงจากต่างชาติ (ไม่รวมหุ้น DELTA) เหลือเพียง 18.9% เท่านั้น จึงน่าจะสะท้อนความกังวลช่วงเปลี่ยนผ่านทาง การเมืองมาระดับหนึ่งแล้ว และในภาพระยะยาวแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง


ดังนั้นจึงเชื่อว่าตลาด หุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นช่วงที่เหลือของปีสอดคล้องกับสถิติในอดีต คือ เวลาหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี ช่วง 6 เดือนหลังมักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี อย่างปี 63 และปี 65 เป็นต้น


นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานมาแล้วกว่า 8%นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน ถือว่า Laggard กว่าตลาดหุ้นโลกที่ปรับขึ้น 8%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกัน รวมถึง Valuation ตลาดหุ้นไทยยังถือว่ามีความน่าสนใจ ทั้ง MEYG ราว 4% ยังสูงกว่า หลายๆ ประเทศ อีกทั้งยังคาดหวัง Dividend Yield ได้กว่า 3% สูง กว่าระดับปกติ จึงแนะนำหุ้น Top Picks แผงสีเขียว BEM, CRC, GULF, KTB, MINT และ TTCL


ถัดมาที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้ปรับลด SET Target ปี 66 จาก 1,700 เป็น 1,620 อิง PER ที่ 17 เท่า เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรต่อหุ้นที่ลดลง ระดับ SET Index ในปัจจุบันมี Upside ราว 6% ซึ่งจำกัดระยะสั้น โดยมองว่าจังหวะการพักตัวของ SET ในช่วง 1,500 หรือต่ำกว่ายังเป็นโอกาสในการซื้อสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว


ดังนั้นแนะนำให้เลือกลงทุนโดยมุ่งไปยังหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยยังชอบหุ้น Domestic และ Reopening ซึ่งหุ้นเด่นในเดือน มิ.ย.66 ประกอบด้วย BDMS, CPN, MAKRO, MINT และ ORI


ปิดท้ายกันที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย.  ประเมินดัชนีฯ จะมีความอ่อนไหวตามความชัดเจนของการเมืองไทย หรือการจัดตั้งรัฐบาล ว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้หรือไม่ รวมถึงการประชุม Fed ว่าจะมีทิศทางดอกเบี้ยออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากมีการขึ้นดอกเบี้ยมากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น ส่วนตัวแปรสำคัญอิ่นๆ ความคืบหน้าทางการเมือง-การจัดตั้งรัฐบาล และการประชุม FOMC


กลยุทธ์การลงทุน การเมืองชัดเจนให้รอดูจังหวะเข้าลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเมือง และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก และมีโอกาส Rebound กลับขึ้นไป หุ้น Top Picks คือ CPALL, KTB, NYT, PLUS, SEAFCO, SUN, TIDLOR

 

 

 


missวิมลรัตน์