Elon Musk นักสร้างสรรนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆในโลกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเป้าหมายของ SpaceX ที่มีความชัดเจนว่าจะนำมนุษยชาตไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร (Mission on Mars) ให้ได้
เมือ่ไม่นานมานี้ บริษัท SpaceX มีเจ้าของคือมหาเศรษฐี Elon Musk ได้ประกาศแผนสร้างจรวดรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเหนือกว่าเครื่องบินเดินทางได้สะดวกและเร็วกว่าหลายเท่า ซึ่งจะเดินทางข้ามประเทศได้ภายในเวลาอย่างช้าสุด 1 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ยังประกาศเป้าหมายของ SpaceX นั้นคือพามนุษยชาติไปสัมผัสดาวอังคารให้ได้ในปี 2024 ล่าสุดเขาเปิดเผยถึงจรวดรุ่นใหม่ที่ชื่อ BFR ที่จะเป็นจรวดที่ใช้ในการท่องอวกาศแล้ว มันยังสามารถใช้เดินทางไปได้ทั่วโลกซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
เขาเปิดเผยว่า ผู้คนจะเดินทางจากนิวยอร์กไปเซียงไฮ้ได้ภายในเวลาแค่ 30 นาที และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ค่าตั๋วในการใช้บริการนี้ไม่ได้แพงหลุดโลกเหมือนจรวด แต่จะมีราคาใกล้เคียงกับเรตตั๋วเครื่องบินที่ใช้กันอยู่แน่นอน โดยจรวด BFR นั้นจะสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 100 คนต่อเที่ยว
ถือว่าคำประกาศของ Elon Musk ค่อนข้างล้ำยุคเลยทีเดียว สำหรับคนบางคนอาจจะรู้สึกว่าบริษัท SpaceX เป็นบริษัทแห่งอนาคตที่อยากจะลงทุนด้วย ไม่ใช่เพียงนักลงทุนไทยเท่านั้นแต่ยังเป็นความเห็นของคนทั่วโลก เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัท Alexa Internet ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Amazon.com ทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลสถิติของแหล่งข้อมูลอื่นและจัดอันดับเว็บไซต์คนนิยม เผยว่าเว็บไซด์ SpaceX เป็นเว็บที่มีคนจำนวนมากคลิ๊กเข้าไปดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรขนาดใหญ่อย่างบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทบริหารกองทุน และบริษัทวาณิชยกิจแสดงถึงความน่าสนใจของนักลงทุนจำนวนมาก
น่าเสียดายที่ SpaceX ไม่ใช่บริษัทมหาชนที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นนักลงทุนที่มีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อมาเป็นเจ้าของได้ ... Elon Musk เปิดเผยว่าสาเหตุที่ไม่นำ SpaceX มาซื้อขายในวอลสตรีทก็เป็นเพราะว่า ถ้าบริษัทมีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทคือการนำมนุษย์ไปท่องอวกาศ เดินทางไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร คงไม่สามารถทำให้เป็นความจริงได้ เพราะบริษัทต้องมุ่งเป้าไปที่การทำกำไรออกมาให้มากที่สุด ดูเหมือนว่าการทำเพื่อมวลมนุษยชาติอาจจะสวนทางกับการทำกำไรของนักธุรกิจและนักลงทุนก็เป็นได้ ("somehow get taken over by investors who just want to maximize the profit of the company and not go to Mars")
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเลยซะทีเดียว ถ้านักลงทุนอยากเป็นเจ้าของ SpaceX จริงๆก็พอมีทางอยู่บ้าง เราจะทำอย่างไรมาดูกันครับ ... ?
Google และกองทุน Fidelity ใส่เงินมากกว่าพันล้านเหรียญ ให้กับ SpaceX ของมหาเศรษฐี Elon Musk
(ที่มาภาพ : www.nytimes.com)
นักลงทุนที่อยากเป็นเจ้าของ SpaceX สามารถซื้อหุ้น Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทของ Google อีกต่อหนึ่งได้ ซึ่ง Alphabet มีสัดส่วนการถือหุ้น SpaceX อยู่ถึง 7.5% นั้นหมายความว่าถ้าคุณซื้อ Alphabet คุณจะได้เป็นส่วนเล็กๆของบริษัท SpaceX นั้นเอง อีกทั้งคุณจะได้ของแถม คือ เว็บไซด์ Google , ระบบปฏิบัติการ Android ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนแทบทุกเครื่อง อีกทั้งยังมีโครงการโปรเจครถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI อีกด้วย
แต่เดียวก่อน! นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่า Alphabet คือบริษัทที่ดี มีกระแสเงินสดเป็นบวก ที่สำคัญคือบริษัทมีกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ในทางตรงกันข้าม บริษัท SpaceX เป็นบริษัทที่ไม่มีกำไร ใช้เงินไปกับการลงทุนมหาศาล และไม่เคยมีปันผลให้กับ Aiphabet เลย ...
Alphabet มีมูลค่า Market Cap. ประมาณ $644.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีรายได้ประมาณ $19.3 billion พันล้านเหรียญ มีค่า P/E Ratio ที่ 26 เท่า ซึ่งสูงก่าดัชนี S&P ที่ 24 เท่า มี Profit Margin ประมาณ 20% และอัตราการเติบโตของกำไรที่ 20% ถ้าพิจารณาแล้วนักวิเคราะห์ในวอลสตรีทมองว่าราคาหุ้นของ Alphabet ยังถูกเกินไป นักลงทุนที่ซื้อ Alphabet เท่ากับว่าได้หุ้นชั้นยอด และมีของแถมคือ บริษัทที่ล้ำอนาคตอย่าง SpaceX ถึงแม้ว่ามันจะไม่เคยสร้างกำไรให้กับ Alphabet เลยก็ตาม
ถ้าลองมองย้อนกลับไป บริษัทที่จะกลายมาเป็น "หุ้นสิบเด้ง" แห่งอนาคต แต่เดิมมักจะเป็นธุรกิจที่ไม่เคยสร้างกำไร มีรายได้น้อยแต่มีรายจ่ายเยอะ บริษัทขาดทุน และจำเป็นต้องเพิ่มทุนอยู่ต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่มีอะไรดีเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มดีขึ้น สินค้าเริ่มเป็นที่นิยม เป็นเส้นทางของคนรุ่นใหม่ บริษัทเหล่านี้จะกลายเป็นบริษัทฟื้นตัว มีกำไร เริ่มจ่ายปันผล กลายมาเป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) และมาเป็นหุ้น Blue Chip ของเหล่าสถาบันกองทุน นักลงทุนต่างชาติ ในอดีตเราเห็นได้ชัดเช่น หุ้น Apple ที่เคยมีปัญหาเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และราคาแพง หรือแม้กระทั่ง Microsoft บริษัทเหล่านี้เคยมีปัญหาก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ บริษัท SpaceX ก็เช่นเดียวกัน อาจจะเป็นหุ้น Apple หรือ Amazon ตัวต่อไปก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
-------------------------------------
ผู้เขียน SiTh LoRd PaCk
ที่มา www.fool.com