ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุุุ้้้้นเพิ่มทุนTSF ... เมื่อไหร่ก็ไม่ซื้อ

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
97 views

บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ฯ เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีมติ นำหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 9,076.31 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 สตางค์ เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 1.3339 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 0.045 บาทต่อหุ้น

แต่การระดมทุนครั้งนี้ อาจล้มคว่ำ เหมือนการระดมทุนเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้ถือหุ้นเดิม น่าจะพากันสละสิทธิจองซื้อหุ้น เพราะถ้าถมเงินใส่ลงไป อาจเสียหายซ้ำรอยเดิม

คณะกรรมการ TSF มีมติเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2561 ประกาศเพิ่มทุนจำนวน 9,593.95 ล้านหุ้น โดยนำหุ้นใหม่จำนวน 6,395.96 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 สตางค์ เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 10 สตางค์ และแจกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญหรือวอแรนต์ รุ่นที่ 5 ในสัดส่วน 2 หุ้นใหม่ต่อ 1 วอแรนต์ กำหนดราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 10 สตางค์ กำหนดชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 12-16 กุมภาพันธ์ 2561

และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 3,197.98 ล้านหุ้น รองรับวอแรนต์รุ่นที่ 5

ผลการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมด สละสิทธิควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยมีการจองซื้อเพียง 374.79 ล้านหุ้น หรือประมาณ 6% ของหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายทั้งหมด ระดมเงินได้เพียง 37.49 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายการเพิ่มทุน 3.41 ล้านบาท เหลือเงินเข้าบริษัทเพียง 34.06 ล้านบาทเท่านั้น

ผู้ถือหุ้นที่ตัดสินใจสละสิทธิจองหุ้นเพิ่มทุน ถือว่าคิดถูก เพราะถ้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนคราวนั้น จะต้องเจ็บตัวหนัก เพราะราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานทรุดตัวลงต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่ 28 กันยายน 2561 ลงมาปิดที่ 4 สตางค์ และแม้จะได้แจกวอแรนต์รุ่นที่ 5 ฟรี แต่ถ้าราคาหุ้นบนกระดานยืนอยู่แถวนี้ วอแรนต์มีค่าเป็นศูนย์

TSF เป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มทุนถี่ โดยปี 2558 เพิ่มทุน 3 ครั้ง ปี 2561 เพิ่มทุน 1 ครั้ง แต่หุ้นเหลือขายบานเบอะ และกำลังจะจับหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือขายมาใส่ตะกร้าขายใหม่ โดยรวมหุ้นเพิ่มทุนที่ออกมารองรับวอแรนต์รุ่นที่ 5 ด้วย แต่ผู้ถือหุ้นคนไหนจะกล้าใส่เงินลงไป ในเมื่อราคาหุ้นบนกระดานต่ำกว่าราคาหุ้นใหม่ที่เสนอขาย

และผลประกอบการของบริษัท ฯ ยังมองไม่เห็นอนาคต ขาดทุนหนักต่อเนื่องมาหลายปี

โครงสร้างผู้ถือหุ้น TSF ประกอบด้วยผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 8,910 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 93.33 % ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งนายคีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นในสัดส่วน 5.42 %

TSF เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 8 ธันวาคม 2548 โดยนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 7.10 บาท จากพาร์ 1 บาท แต่เข้ามาแล้ว ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เพราะราคาปรับตัวลง ผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนต่อเนื่องมายาวนาน และ 6 เดือนแรกปีนี้ยังไม่กระเตื้องขึ้น โดยขาดทุน 249.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 149.24 ล้านบาท

ฐานะทางการเงินของ TSF ไม่ดีนัก โดยส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50 % ของทุนเรียกชำระแล้ว และถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย “ 

การเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนรอบใหม่ เพื่อนำเงินใช้เงินทุนหมุนเวียนและรองรับการลงทุนในอนาคต แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะถมเงินลงไปหรือ

เพราะเห็นแล้วว่า ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งก่อน บาดเจ็บหนักขนาดไหน

ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งอย่าง BTS ของกลุ่มกาญจนพาสน์ ไม่มี่ข้อมูลว่า การเพิ่มทุนครั้งก่อนใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือไม่ หรือปล่อยให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย หลวมตัวซื้อหุ้นเพิ่มทุนแต่ฝ่ายเดียว

หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 9,076.31 ล้านหุ้นที่ TSF กำลังนำมาปัดฝุ่นขาย ไม่ได้รอผลสรุปว่า ผู้ถือหุ้นเดิมจะจองซื้อหรือไม่

เพราะในเมื่อรอบก่อนก็พากันสละสิทธิกันเป็นแถว

และไม่มีเหตุผลใดที่จะเปลี่ยนใจ ควักเงินออกจากกระเป๋าใส่เข้าไปใน TSF ทั้งที่เห็นแล้วว่า มีโอกาสเจ็บตัวสูง

หมายเหตุ 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 

                 2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com


ศักดิ์