ประเทศไทยขาดความสามารถในการแข่งขันทางด้าน Digatal Economy :
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ใช้เทคโนโลยี ไม่ไช่ผู้ผลิตเทคโนโลยี ทําให้ประเทศไทยขาดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกในระยะยาว เพราะ Digital Economy เป็นเศรษฐกิจที่เป็นส่วนสําคัญที่สุดทั้งในปัจจุบันและในอนาคต สังเกตุได้จากบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกของโลกล้วนแต่อยู่ใน Digital Economy เช่น Apple, Microsoft, Google, Amazon และ Facebook เป็นต้น
ในเมื่อประเทศไทยล้าหลังทางด้านเทคโนโลยี จึงทําให้คนไทยมีโอกาสที่จะก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางน้อยเต็มทน ( หมายถึงมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเกิน 11,000 USD )
ยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีของประเทศไทยจากต่างประเทศมีดังนี้คือ : Line จากญี่ปุ่น, Lazada และ Shoppee จากมาเลเซีย, Garb จากสิงคโปร์, Tiktok จากจีน และ Youtube จากสหรัฐฯ เป็นต้น
ประเทศจีนพัฒนาประเทศหลังประเทศไทยมาก แต่จีนก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางไปแล้วเพราะจีนพัฒนาและส่งเสริมทางด้านเทคโนโลยี โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีระดับโลกเช่น Alibaba, Tencent, Tiktok เป็นต้น
แม้ในปัจจุบัน นโยบายทางด้านเศรฐกิจของไทยก็ยังไปเน้นเรื่องการผลิตเพื่อส่งออกตามนโยบาย Detroit of Asia และ การท่องเที่ยวตามนโยบาย Amazing Thailand ซึ่งกว่าจะได้เงินแต่ละบาทนั้น สายตัวแทบขาดเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น ถ้าประเทศไทยต้องการก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ประเทศไทยจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมทางด้าน Digital Economy โดยเฉพาะ Web 3.0 ที่กําลังจะมาแรงในอนาคต
หมายเหตุ : ปัจจุบัน ดูไบและสิงคโปร์กําลังแข่งขันกันเป็น Digital Hub of Asia กรุงเทพฯก็ควรจะเสนอตัวเป็น Digital Hub of Asia กับเขาด้วย เพราะไม่มีเหตุผลใดที่เราจะทําไม่ได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และความตั้งใจของภาคเอกชนคนไทย
โปรดติดตามรายละเอียดได้ในลิ้งค์เพจด้านล่าง :