ชมคลิปฉบับเต็มความยาว 4 ชั่วโมง
=== สรุปคลิปดร.วิศิษฐ์ (ชั่วโมงที่ 1-2) ===
ค้นหาหุ้น ด้วย Fund Flow & Business Model
https://youtu.be/2rH9x9lSK3E
Cr. Kornsuppa Mangkornkaew
.
.
.
- ในปี 2007 มีเพียงสถาบันเดียวที่เลิกทำซับไพร์ม คือ Goldman Sach
- กรีซเบี้ยวหนี้ หุ้นจะลงไหม ?
- คนอาจคิดว่าลง แต่เต็มที่ก็ลงเพราะตกใจ แล้วขึ้นต่อ
- ไทยหนี้สาธารณะไม่เยอะ แต่หนี้ครัวเรือนเยอะ ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย
- คนยุโรปหนี้ครัวเรือนน้อยกว่า เพราะชอบเช่าบ้านมากกว่าซื้อบ้าน
.
.
.
=== การทำ QE ===
- FED ซื้อพันธบัตร
- คนได้เงินคือธนาคารพาณิชย์ ปกติต้องปล่อยกู้ หรือไปลงทุน
- ปรากฎว่า เอาเงินไปซื้อบอนด์ต่างประเทศ เช่น ไทย ฝรั่งซื้อบอนด์ไทยเยอะมาก
- ปี 2008 บาลานซ์ชีทเฟดเพิ่มเป็น 4 ล้านล้าน จาก 8 แสนล้าน
- BOJ อัดเงินจะมากกว่า FED แล้ว
- ตั้งแต่ปี 2008 ธนาคารกลางทั่วโลกอัดเงินเข้ามาแล้ว 11 ล้านล้านเหรียญ
- เงิน 3 ล้านล้านบาทเข้าพันธบัตรไทย ซื้อทั้งสั้นและยาว
- ซื้อสั้น ครบอายุก็ออกไป
- 3 ล้านล้านนับเฉพาะขาเข้า
- ถ้าเอาที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ 7 แสนล้าน (ข้อมูล ณ เมษายน 2017)
- ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 14% ของพันธบัตรทั้งหมด ขณะที่ซื้อของอินโดนีเซียไป 40% ของพันธบัตรทั้งหมด ทำให้ค่าเงินรูเปี๊ยะอินโดอ่อน (***ตรงนี้งงครับ ความเข้าใจผมคือเงินเข้าประเทศไหน เงินนั้นต้องแข็ง รบกวนชี้แนะทีครับ***)
- อย่างไรก็ตาม ฐานตราสารหนี้เค้าน้อยกว่าบ้านเราพอสมควร
- นี่คือผลของ QE
.
.
.
=== Quantitative Tightening ===
- คือการถอน QE
- ยุโรปจะเลิกทำ QE เร็วกว่าที่คิด
- เงินจะไหลเข้าไปหาประเทศที่ real rate ดี ค่าเงินบาทถึงแข็ง
- แต่ส่งออกเราดีขึ้น เพราะทั่วโลก stocking ของ แปลว่าตอนช่วงที่ผ่านมาเงินบาทไม่ส่งผลอะไรเลย
- ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นตลอด
.
.
.
- ญี่ปุ่นจะทำ QE จนเงินเฟ้อจะถึงเป้า 2% เพราะงั้นญี่ปุ่นจึงทำต่อไป
- นำไปสู่ carry trade กู้เงินญี่ปุนมาลงทุน
- Controlling Yield Curve คือการทำ QE แบบไม่จำกัดปริมาณ แต่เน้นควบคุม YC ซึ่งญี่ปุ่นทำอยู่
- ปี 2019 ไม่แน่ อเมริกาต้องลดดอก อาจมี QE4 (มุมมองดร.วิศิษฐ์)
- แปลว่าเมกาเศรษฐกิจก็ไม่ดี
- Helicopter Money คือการทำ Fiscal QE เอาเงินไปแจกตรงๆ
.
.
.
=== ตลาดพันธบัตร ===
- ผู้เล่นในตลาดพันธบัตร ใหญ่กว่าหุ้น มีสภาพคล่องกว่า
- อยากอ่านหุ้นเก่งๆ ต้องอ่านตลาดค่าเงินและตลาดยีลด์
- ช่วงก่อนน้ำท่วม Yield Curve บ้านเราใกล้ 0 มาก แล้วเจอน้ำท่วมพอดี หุ้นก็อ่วม
- แต่มีเงินจากภาครัฐมาอุดหนุน 3 แสนล้าน มันก็ดันหุ้นไปต่อได้
.
.
.
=== ฐานเงิน M2 ===
- ถ้า M2 Growth ขึ้นเยอะๆ หุ้นมันขึ้นตามด้วย (correlation 66%)
- แต่มีช่วงนึง M2 Growth ลดลง เพราะคนเอาเงินใส่ไว้ในสินทรัพย์เสี่ยงอื่น เช่น ตั๋ว B/E หรือรวมถึงหุ้นด้วย ทำให้หุ้นไม่ไป
- แม้จะเป็นอินดิเคเตอร์ที่ดี แต่ทุกอย่างไม่สามารถใช้ได้ตลอด มันเปลี่ยนไปเสมอ
.
.
.
=== Mkt Cap หารด้วย GDP ===
- ช่วงวิกฤต dotcom ตลาดหุ้นเมกาคิดเป็น 1.1 เท่าของ GDP
- ถามว่าเกินกว่า GDP แล้วดีไหม ได้ แต่ว่า GDP ต้องโต
- หรือถ้าหารด้วย M2 แล้วได้ 20% ควรซื้อหุ้น เพราะเงินยังไม่เข้าตลาด
- (มุมมองส่วนตัว) อาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบ เช่น อัตราดอกเบี้ย
- จากนี้ไปสิ่งที่ต้องตามไม่ใช่ QE แต่เป็นการหดตัวของงบดุล
.
.
.
ปล.
#ภาพที่1 ตลาดหุ้นไทย (เส้นสีฟ้า) และตลาดหุ้นอเมริกา (เส้นสีแดง) เทียบกับ GDP ของแต่ละประเทศ
#ภาพที่2 ไซส์ตลาดหุ้นเทียบกับ GDP ของทั้งโลก
#ภาพที่3 ปริมาณเงิน M2 เทียบกับขนาดตลาดหุ้นของอเมริกา (***สิ่งที่ส่งสัยคือทำไมก่อนปี 2000 เงิน M2 ถึงใหญ่กว่าตลาดหุ้นขนาดนั้น ?***)