" ธนาคารกลางจีนทําการแลกเปลี่ยนราคาเพื่อเสริมสภาพคล่องสําหรับตัวที่ราคาถูกอยู่แล้ว แต่ดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยซื้อคืนไม่เปลี่ยนแปลง ธนาคารจีนตัดลดดอกเบี้ยกู้ยืมโดยไม่ได้ตัดลดดอกเบี้ยนโยบายแบบเป็นทางการ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปสู่ตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ภายใน 1 วัน "
China Injects Record Funds to Counter Tax, Holiday Cash Demand ( จีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในภาษีเคาน์เตอร์ และความต้องการเงินสดในช่วงวันหยุด )
Bloomberg News" ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินสุทธิจํานวน 590 พันล้าน หยวน ผ่านตลาดเปิด วันนี้เป็นวันที่มีการจ่ายภาษีสูงที่สุด บริษัทหลักทรัพย์ซิติกกล่าว ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินผ่านตลาดเปิดมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงความต้อการเงินสดตามฤดูกาลและภาษีจ่ายในช่วงเทศกาลวันหยุดที่สําคัญ "
China’s Growth Machine No Longer Looks Unstoppable ( เครื่องจักรที่หยุดไม่เป็นของจีนดูเหมือนจะใช้งานไม่ได้แล้ว )
The debt-powered stimulus the country used to steer through the Great Recession is starting to look like a drag.
By Noah Smith
January 16, 2019, 5:30 AM GMT+7
" เศรษฐกิจจีนตกตํ่า การตกตํ่าอาจจะมีผลมาจากเหตุการร์เมื่อเร็วๆ นั่นก็คือสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา หรือการตัดทอนรายจ่ายในเรื่องอสังหาริมทรัพย์หรือโครงการโครงสร้างพื้นฐาน แต่อาจจะเห็นชัดเจนตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วก็ได้ มันอาจจะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าระบบอํานาจนิยมซ้อนระบบทุนนิยมอาจจะไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่หลายคนคิดกัน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นชัดๆว่าการบริโภคกําลังจะตกตํ่าลง เป็นสัญญาณของอันตรายที่อยู่เบื้องหน้า - เศรษฐกิจของจีนตํ่ากว่า 10% ตั้งแต่ปี ค.ศ 2012 เป็นต้นมา ( ข้อมูลเสริมจาก " เพื่อนผู้รู้ใจ " ) "
As China’s Economy Slows, Why the World Should Care: QuickTake ( สรุปสั้นๆว่า : เศรษฐกิจจีนโตช้าลง ทําไมโลกต้องสนใจด้วย )
Bloomberg News
January 16, 2019, 5:23 PM GMT+7
China is facing its most difficult economic environment in years. The world’s second-biggest economy is in a trade standoff with the biggest -- the U.S. -- and under pressure from President Xi Jinping’s “critical battles” to reduce China’s massive debt pile and clean up toxic air pollution. Economists forecast 6.2 percent growth this year, more than twice the global rate. But that’s down from about 6.6 percent in 2018, already the slowest in almost three decades. When China sneezes these days, many companies far from its shores risk catching a cold, including makers of airliners and handbags, growers of soybeans and operators of tourist attractions.
แปลเป็นไทยว่า :
" จีนกําลังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยุ่งยากลําบากเป็นปี เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกกําลังจะอยู่คนละฝั่งในด้านการค้ากับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงก็กําลังเผชิญกับแรงกดดันของหนี้จํานวนมหาศาล การกําจัดอากาศเป็นพิษ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจีนจะโต 6.2% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของการเติบโตของโลก แต่มันก็เป็นการตกตํ่าจาก 6.6% ในปี ค.ศ 2018 และเป็นการตํ่าสุดในรอบ 30 ปี เมื่อจีนจามวันนี้ บริษัทต่างๆก็เป็นไข้ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน, ผู้ผลิตกระเป๋าถือ, ผู้ปลูกถั่วเหลือง หรือแม้กระทั่งธุรกิจการท่องเที่ยว "
แปลผิดแปลถูกยังไง! ก็ขออภัยมา ณ.โอกาสนี้ด้วยนะคร๊าบ! เพราะเป็นการแปลสดๆไม่ได้ลอกไม่ได้ก๊อปมา คร๊าบ!
หมายเหตุ : ที่มาจาก ( www.bloomberg.com )