กูรู ชี้เฟดขึ้นดบ.ดีต่อ SET ระยะสั้น- มองหุ้น 5 กลุ่มรับอานิสงส์

หลังจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ครั้งล่าสุด ออกมาเป็นไปตามคาด ทั้งเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุล (QT) ทำให้นักวิเคราะห์ต่างออกมาเริ่มประเมินทิศทางตลาดทุนทั้งไทย และต่างประเทศต่อจากนี้ว่าจะรับผลจากการประชุมครั้งนี้มากน้อยเพียงใด รวมถึงแนวโน้มการประชุมครั้งต่อไปของเฟดด้วย

.

โดยผลการประชุมเฟด ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% และจะเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุล (QT) ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 ในวงเงิน4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน แบ่งเป็นปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม ระยะเวลา 3 เดือน

.

หลังจากนั้นในเดือยน ก.ย. 65 เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม

.

* ASPS มองระยะสั้นเป็นปัจจัยหนุนหุ้นไทย

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวกลับขึ้นมาแรง S&P500 +2.99%, NASDAQ +3.9% เป็นต้น โดยมีหลายปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในช่วงสั้นดังนี้

- เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามคาด ไม่ได้เร่งทำ QT ถือว่าส่งผลดีต่อตลาด

- เฟดไม่มีแผนขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเวลาอันใกล้

- เฟดตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่บ่งชี้ว่าจะเข้าใกล้ Recession โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในไตรมาสแรก แต่การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง

.

ปัจจุบันมุมมอง Fed Fund Futures สิ้นปี ลดลงจาก 3% เหลือ 2.25% ตามกลไกหนุนตลาดหุ้นสหรัฐซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้น โดยฝ่ายวิจัย ASPS ประเมิน Forward MEYG 22F ของตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) มีโอกาสปรับตัวขึ้นจาก 1.9% เป็น 2.65% ถือเป็นกระแสเชิงบวกต่อตลาดหุ้นต่างประเทศและไทยในช่วงสั้น แต่ยังต้องใช้ความระมัดระวังและพิถีพิถันในการเลือกหุ้นในระยะถัดไปมากขึ้น

.

* KS คาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านจุดพีค หนุนหุ้น 4 กลุ่ม

บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยว่า ได้ให้น้ำหนักถ้อยแถลงของเฟด 2 ประเด็นสำคัญคือ

.

1.เงินเฟ้อซึ่งส่งสัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐใกล้จุดสูงสุด(peak) KS ประเมินเงินเฟ้อสหรัฐมีโอกาสอ่อนตัว เพราะเริ่มมีกระแสข่าวมีโอกาสที่สหรัฐกำลังพิจารณาจะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่า USTR อาจกลับมาพิจารณาในเดือน ก.ค. เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม หากเกิดขึ้นประเมินกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ 4 กลุ่ม คือ อิเล็กทรอนิกส์ , ยานยนต์, ปิโตรเคมีและ

โลจิสติกส์

.

2.ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐประเมินได้รับผลกระทบจำกัดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสั้น และบวกต่อตลาดหุ้นเอเซียในวันนี้ แต่คาดจะบวกไม่มาก (คาดหุ้น Growth หุ้น Tech วันนี้มีโอกาส Outperform) โดยประเมินทิศทางตลาดหุ้น สหรัฐในช่วงหลังมีผลต่อการเคลื่อนไหวต่อตลาดหุ้นอื่นๆ ลดลง หรือ Correlation ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันเหมือนในอดีต

.

* บาทเริ่มชะลออ่อนค่า เป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า

นอกจากนี้ KS ยังมุมมองว่าช่วงที่เหลือของปีนี้สินทรัพย์เสี่ยงจะไม่ใช่กลับเป็นขาขึ้น แม้เฟดจะชะลอการ hawkish ในรอบนี้ ส่วนทิศทางค่าเงินบาทระยะสั้นชะลอการอ่อนค่าลงมา อยู่ที่ 34.1 บาท หลังจากผลประชุมเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาดผลจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าอยู่ที่ 102.5 จุด ไม่ผ่าน 104 จุด โดยเงินบาทที่แข็งค่าช่วงสั้น เป็น Sentiment ลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก แต่จะบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า