จากวัฏจักราคานํ้ามัน Wti และ ราคาถ่านหิน globalCOAL NEWC ดังนี้ คือ :
1) วัฏจักร ราคานํ้ามัน Wti ( USD Per Barrel ) :
1.1) ปี ค.ศ 1973 = 3.14
1.2) ปี ค.ศ 1974 = 10.41 ( วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 1 )
1.3) ปี ค.ศ 1978 = 12.91
1.4) ปี ค.ศ 1979 = 29.19 ( วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 2 )
1.5) ปี ค.ศ 1998 = 12.28
1.6) ปี ค.ศ 2004 = 46.00
1.7) ก.ค ปี ค.ศ 2008 = 147.00 ( วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 3 และ All Time High )
1.8) ก.พ ปี ค.ศ 2016 = 26.00
1.9) วันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ 2018 = 76.90 ( High รอบล่าสุด ) ( +195.77% )
1.10) วันที่ 9 พศจิกายน ปี ค.ศ 2018 = 59.80 ( -22.24% )
ผู้โพสต์คาดว่าราคานํ้ามัน Wti น่าจะอยู่ระหว่าง 26.00 - 76.90 USD Per Barrel ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนถึงฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564
2) วัฏจักร ราคาถ่านหิน globalCOAL NEWC ( USD Per MT.) :
2.1) ปี ค.ศ 2005 globalCOAL NEWC = 50
2.2) เดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ 2008 globalCOAL NEWC = 192 ( All Time High )
2.3) เดือน มกราคม ปี ค.ศ 2016 globalCOAL NEWC = 50
2.4) วันที่ 19 กรกฎาคม ปี ค.ศ 2018 globalCOAL NEWC = 122.89 ( High รอบล่าสุด ) ( +145.78% )
2.5) วันที่ 2 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2018 globalCOAL NEWC = 103.08 ( -16.12% )
ผู้โพสต์คาดว่าราคาถ่านหิน globalCOAL NEW น่าจะอยู่ระหว่าง 50.00 - 122.89 USD Per MT. ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนถึงฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564
สาเหตุที่ราคาพลังงานไม่น่าจะโดดเด่น เพราะ :
1) ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะผ่านพ้นจุดตํ่าสุดไปแล้ว และเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาก็ปรับตัวได้ดีตั้งแต่ต้นปี พ.ศ 2559 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ราคาพลังงานก็ได้ตอบรับไปแล้ว โดยราคานํ้ามัน Wti ปรับตัวจากจุดตํ่าสุดในรอบก่อนที่ 26 USD Per Barrel ในช่วงต้นปี พ.ศ 2559 มาทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 76.90 USD Per Barrel เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 ส่วนราคาถ่านหิน globalCOAL NEWC ปรับตัวจากจุดตํ่าสุดในรอบก่อนที่ 50 USD Per MT. ในช่วงต้นปี พ.ศ 2559 มาทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 122.89 USD Per MT. เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2561 ซึ่งก็ได้ทําให้หุ้น PTT, PTTEP PTTGC และ BANPU ได้ปรับตัวขึ้นมาทําจุดสูงสุดตลอดกาลหรือจุดสูงสุดในรอบที่แล้วในช่วงครึ่งแรกของปีนี้คือปี พ.ศ 2561แล้ว
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศจีนไม่ดี ( โตตํ่ากว่า 7% ) ซึ่งเป็นผลจากสงครามการเงินโลก และสงครามการค้าโลก ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ราคาพลังงานจึงขาด Driven Factors หรือ ปัจจัยขับเคลื่อน ที่สําคัญที่จะมีผลทําให้ราคาพลังงานปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่นเหมือนในปี พ.ศ 2550 - 2551
2) Shale Oil and Shale Gas ในสหรัฐอเมริกา เป็นตัวกดดันที่ทําให้ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นไปไม่ได้มาก เพราะถ้าราคานํ้ามันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ก็จะมีแรงจูงใจที่จะทําให้มีการผลิต Shale Oil and Shale Gas ขึ้นมาทดแทนทันที
3) Renewable Energy ( ลม แสงแดด และ ชีวมวล ) เป็นตัวกดดันที่ทําให้ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นไปไม่ได้มาก เพราะถ้าราคานํ้ามันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ก็จะเป็นแรงจูงใจที่จะทําให้มีการผลิต Renewable Energy ( ลม แสงแดด และ ชีวมวล ) ขึ้นมามาทดแทนทันที
ตั้งแต่ที่ผู้โพสต์เริ่มโพสต์ลงใน Webboard ของ Stock2morrow เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ปี พ.ศ 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ผู้โพสต์ก็ได้ให้ความเห็นมาโดยตลอดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นบลูชิพและหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทั้งนี้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีพ.ศ 2561ไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 เพราะนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทย ก่อนที่ฟองสบู่โลกจะแตกในปี พ.ศ 2564
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และ ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้
หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com