เจ้า "พุ่งเป็นจรวด “ ซึ่งเป็นนิ๊กเนมของ “ ITD-W1 ” ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยปิดวันนี้ วันที่ 11 มิถุนายน ปีพ.ศ. 2561 ดังนี้คือ :
ITD-W1 ปิดที่ 0.20 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 0.07 บาท เมื่อ วันที่ 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.20 / 0.07 = +2.86 เท่า
ส่วนพวก “ ไปโลด “ หรือ “ มีแต่ขึ้นกับขึ้น “ ก็ตามมาห่างๆ ดังนี้คือ:
1) ITD ปิดที่ 3.40 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 2.96 บาท เมื่อ วันที่ 4 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 3.40 - 2.96 ) / 2.96 x 100 = +14.86%
2) CK ปิดที่ 27.50 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 23.30 บาท เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 27.50 - 23.30 ) / 23.30 x 100 = +18.03%
3) STEC ปิดที่ 22.90 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 17.10 บาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 22.90 - 17.10 ) / 17.10 x 100 = +33.92%
4) UNIQ ปิดที่ 14.50 บาท ( จากจุดตํ่าสุดที่ 12.50 บาท เมื่อ วันที่ 10 เมษายน ปี พ.ศ 2561 ) หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 14.50 - 12.50 ) / 12.50 x 100 = +16.00%
อนึ่ง ผู้โพสต์ขอทบทวนนิยามหุ้นรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 4 ตัวคือ ITD, CK, STEC และ UNIQ ว่าเป็นพวก " ไปโลด " หรือ " มีแต่ขึ้นกับขึ้น " อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง ส่วน ITD-W1 นั้น ผู้โพสต์จะใช้คํานิยามว่าเป็นเจ้า " พุ่งเป็นจรวด " เป็นสรรพนามแทนการเรียกชิ่อจริงๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างสีสรรค์ และ เพื่อที่จะให้เข้ากับบรรยากาศ และ สถานการณ์ที่เป็นจริงทั้งในปัจจุบัน และ ผู้โพสต์คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
สําหรับเหตุผลในการ " พุ่งเป็นจรวด ", " ไปโลด " และ " มีแต่ขึ้นกับขึ้น " มีดังนี้คือ :
1) ระยะสั้น : รัฐบาลน่าจะเร่งประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเรียกคะแนนนิยมกับประชาชนชาวไทย ตลอดจนรัฐบาลและประชาชนชาวต่างชาติ และ ในส่วนของเจ้า " พุ่งเป็นจรวด " นั้น เพราะเป็น Warrant และ เป็นเพราะ อาจจะมีความก้าวหน้าของโครงการทวาย และ โครงการโปแตส จ.อุดรฯ ที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยบวกเสริมพิเศษมากกว่าการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของ ITD
2) ระยะยาว : รัฐบาลหลังการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าคือปี พ.ศ 2562 น่าจะดําเนินนโยบายโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทอย่างต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 เพราะ เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย และ เมื่อถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 แล้ว ขาขึ้นรอบใหญ่ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก็น่าจะสิ้นสุดลง เพราะ 80% ของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท น่าจะมีการประมูลและรู้ผลแล้ว
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.settrade.com )
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com