ห้องเม่าปีกเหล็ก

ปตท.ผ่าแผนธุรกิจ 5 ปี เดินหน้าลงทุนล้านล้าน

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
59 views

ปตท.ผ่าแผนธุรกิจ 5 ปี เดินหน้าลงทุนล้านล้าน

ปตท.กางแผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้า อัดงบลงทุน 1 ล้านล้านบาท ลุยพลังงานหมุนเวียน–อีวี พร้อมเปิดตัวธุรกิจการแพทย์ ลดความเสี่ยงเทรนด์โลกไม่ตอบรับฟอสซิล เล็งลดลงทุนถ่านหินอินโดฯ ยืนยันนโยบายปันผล

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จัดงานสัมมนาหัวข้อ Wealth Forum : ลงทุนอย่างไรให้รวย โดยมีผู้แทนภาคเอกชนมานำเสนอทิศทางธุรกิจในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ื 23 พ.ย.2563 ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “อนาคตธุรกิจกลุ่ม ปตท.” โดยระบุว่า ปตท.มีแผนลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2563-2567 ภายใต้งบลงทุนเฉพาะ ปตท.อยู่ที่ราว 1.73 แสนล้านบาท ขณะที่งบลงทุนธุรกิจในเครือ ปตท.วางไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท

สำหรับแผนการลงทุนดังกล่าวเครือ ปตท.ได้ประเมินแนวโน้มระยะยาวของการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่จะมีความต้องการใช้น้อยลงไหมหรือไม่ และฟอสซิลจะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ไม่มีคนใช้เลยหรือไม่

ในฐานะผู้ประกอบการ ปตท.ต้องเตรียมตัวรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงทั้ง 2 ทาง โดยกลุ่ม ปตท.ถึงแม้จะมีมุมมองว่าฟอสซิลยังเป็นพลังงานหลักของโลก แต่ได้เตรียมพลังงานประเภทอื่นเพื่อสอดรับความต้องการการใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ และพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“เราประเมินว่าเทรนด์ในอนาคตน้ำมันคนจะใช้น้อยแน่ แต่ก๊าซธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะได้รับความนิยม ดังนั้นก๊าซธรรมชาติจะเป็นตัวเปลี่ยนผ่านก่อนที่เราจะเข้าสู่ช่วงการนิยมใช้พลังงานหมุนเวียน ปตท.ยังคงให้ความสำคัญ LNG และจะสร้างให้ไทยเป็นฮับ LNG เพราะขณะนี้มีคลังเก็บ”

ทั้งนี้ แนวโน้มการใช้พลังงานที่กำลังจะปรับเปลี่ยนส่งผลต่อแผนลงทุนธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้าของกลุ่ม ปตท. โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 

1.พลังงานใหม่ (New Energy) ประกอบด้วย พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เริ่มจากแผนเข้าสู่ตลาดในปี 2564 เริ่มปรับตลาดให้ขยายตัวในปี 2568 และกลายเป็นธุรกิจที่เต็มรูปแบบภายในปี 2573

ขณะเดียวกันกลุ่ม ปตท.มีเป้าหมายขยายธุรกิจพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับ EV โดยจะร่วมมือพันธมิตรเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ อีกทั้งจะลงทุนเกี่ยวกับสถานีชาร์จไฟฟ้า ตั้งเป้ามี 100 แห่งภายในปี 2564 และให้ความสำคัญกับตัวเก็บพลังงาน แพลทฟอร์มอื่นที่รองรับพลังงานทางเลือก

2.ธุรกิจใหม่ (New Business) เมื่อโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กลุ่ม ปตท.เชื่อว่าธุรกิจที่น่าสนใจจะไปทางธุรกิจสุขภาพ เช่น การสร้างโรงงานผลิตยา และมองโอกาสลงทุนต่างประเทศ ธุรกิจอาหารเสริม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมาร่วมกับสถาบันการศึกษา สนับสนุนทำการวิจัยคิดค้นผลิตภัณฑ์และพัฒนาสำเร็จแล้ว คือ พลาสเตอร์ยาปิดแผล

คาดนโยบายสหรัฐดันราคาน้ำมัน

นางสาวพรรณนลิน กล่าวว่า นโยบายของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียน และอาจเป็นผลต่อการใช้พลังงานจากฟอสซิลลดลงเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยหากนายโจ ไบเดน ให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียนอาจกระทบเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ทางกลับกันเมื่อการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลน้อยลง ราคาจะตกลงและทำให้มีผู้มีใช้พลังงานฟอสซิลมากขึ้น

“ราคาน้ำมันในปีหน้า มองว่าจะไม่สูงกว่านี้มากนัก อยู่ที่ 45 ดอลลาร์ มากกว่าปีนี้ที่เฉลี่ยอยู่ 40 ดอลลาร์ ปัจจัยลบของธุรกิจ ปตท.ขึ้นกับราคา เพราะถ้าราคาน้ำมันตกลงมาก จะขาดทุนจากการสต็อกน้ำมัน ที่เห็นในไตรมาส 1 ขาดทุน 4 หมื่นล้านบาท ส่วนปัจจุบันไตรมาส 4 นโยบายของภาครัฐ การเร่งผลิตวัคซีนโควิด และเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น จึงเชื่อว่าไตรมาส 4 น่าจะไม่แย่”

สำหรับปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจของ ปตท.ในช่วงที่ผ่านมา มีเป็น 2 ส่วน คือ 1.ราคา หากราคาปรับลงเร็วจะทำให้ขาดทุนสต็อก 2.ปริมาณ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่มากและปริมาณการขายจะกลับมา

ปันผลไม่น้อยกว่า40%

ทั้งนี้ เนื่องด้วยธุรกิจของกลุ่ม ปตท. มีทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ทำให้ภาพรวมธุรกิจกลุ่ม ปตท.ไม่ได้รับผลกระทบมากและการจ่ายเงินปันผลหุ้นที่ผ่านมามีนโยบายจ่ายไม่น้อยกว่า 25% ของกำไรสุทธิ แต่ก็มีการปันผลกว่า 40-50% อย่างไรก็ดี ภาพรวมในตลาดหุ้น ปัจจุบันธุรกิจของกลุ่ม ปตท.คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 10% ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

สำหรับธุรกิจแบ่งออกเป็นธุรกิจต้นน้ำ บริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งมีภารกิจหลักในการลงทุนสำรวจและผลิตเป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้จาก ปตท.รับซื้อก๊าซจาก ปตท.สผ.34% ทำธุรกิจใน 15 ประเทศ และอย่างที่ทราบกันว่าก๊าซในอ่าวไทยเริ่มลดลง ดังนั้นแผนธุรกิจของ ปตท.สผ.จึงต้องหาโอกาสในต่างประเทศ และขณะนี้มีโครงการขยายการลงทุนอีกกว่า 40 โครงการ

“เมื่อมีการหารือกันว่าก๊าซกำลังจะหมด ปตท.ก็ต้องมองหาการใช้ก๊าซประเภทอื่น และมาเจอก๊าซธรรมชาติที่สามารถส่งออกระหว่างประเทศได้ หรือ LNG เมื่อการบริโภคค่อนข้างสูง เราก็ต้องหาเข้ามาด้วยบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด จึงมีหน้าที่รับเรือที่นำเข้า LNG ของเหลว และนำเข้ามาแปลงให้เป็นก๊าซธรรมชาติและส่งผ่านท่อของ ปตท.มีรายได้จากค่าบริการ ปตท.ถือหุ้น 100% จึงมีรายได้คงที่จาก ปตท.”

เล็งลดลงทุนถ่านหินอินโดฯ

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซีย ที่ ปตท.ได้ซื้อกิจการมาเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ขณะนี้พบว่าพลังงานถ่านหินในปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยม ปตท.จึงมีแผนจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงไป และอยู่ระหว่างการพิจารณา

ด้านธุรกิจกลางน้ำ ขณะนี้ ปตท.มีธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ เป็นผู้ซื้อก๊าซจากผู้ผลิต และนำมาขายต่อ และเมื่อซื้อมาขายต้องส่งผ่านระบบท่อ ซึ่ง ปตท.ก็เป็นเจ้าของระบบท่ออยู่ มีรายได้จากการส่งผ่านท่อ เป็นรายได้หลักและกำไรหลักของกลุ่ม ปตท.เช่นกัน เนื่องจากรายได้ในส่วนนี้เป็นรายได้คงที่ และสามารถสร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) ให้กลุ่ม ปตท.อย่างสม่ำเสมอ

อีกทั้ง ปตท.มีธุรกิจ International Trading เพราะไทยบริโภคน้ำมันปีละ 1 ล้านดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่กำลังการผลิตอยู่แค่ 20% ทำให้ต้องนำเข้าอีก 80% จึงต้องนำเข้าน้ำมันดิบให้กลุ่ม ปตท. 

นอกจากนี้ ธุรกิจกลางน้ำอื่น อาทิ PTTOR ที่ปัจจุบันกำลังเริ่มขั้นตอนทำ IPO ใน ตลท. รวมทั้งธุรกิจการกลั่นของกลุ่ม ปตท.มีสัดส่วน 50% ของไทย ธุรกิจปิโตรเคมี IRPC สัดส่วนมากกว่า 50% และ GPSC หรือธุรกิจไฟฟ้า ที่กลุ่ม ปตท.มองว่าระยะยาวน่าจะเป็นธุรกิจที่ดี เพราะคนพูดถึงการใช้ไฟฟ้าในการชาร์จ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ ปตท.มองว่าเป็นโอกาส

นางสาวพรรณนลิน กล่าวว่า ตัวธุรกิจก๊าซทั้งหมดของ ปตท.ไม่สามารถกำหนดราคาได้เอง มันถูกกำกับไว้ ดังนั้น ปตท.จึงไม่สามารถค้ากำไรเกินควรได้ โดยภาพรวมในปัจจุบันซื้อมาขายไป 60% ขายให้ผู้ผลิตไฟฟ้า 20% ขายสู่ธุรกิจโรงแยกก๊าซ 16% ลูกค้าอุตสาหกรรม 4% และส่วนที่เหลือเป็นลูกค้า NGV ดังนั้นธุรกิจนี้ค่อนข้างยั่งยืน

ลุยธุรกิจเฟรนไชส์ค้าปลีก

ส่วนธุรกิจท่อก๊าซ ปตท.เป็นเจ้าของ 100% จึงสามารถสร้างรายได้คงที่ ขณะที่ธุรกิจโรงแยกก๊าซราคาจะอิงกับราคาในตลาดโลก ดังนั้นถ้าราคาปิโตรเคมีในตลาดโลกสูง กำไรก็จะสูง ด้านธุรกิจ NGV ถือเป็นธุรกิจที่มีปริมาณขายไม่เยอะ เฉลี่ย 4 ตันต่อวัน ทำให้ ปตท.ยังคงแบกรับต้นทุน

ด้านธุรกิจ OR ปัจจุบันตัวสถานีบริการน้ำมัน ปตท.เป็นสัดส่วนอันดับ 1 มีสถานี 2 พันแห่งทั่วประเทศ ขณะที่ร้านกาแฟอเมซอน พบว่าความต้องการยังมีอยู่ ปัจจุบันเปิดได้ปีละ 400 แห่ง ส่วนโอกาสที่จะไปกินยอดขายกันเองยังน้อย เพราะคนไทยยังดื่มกาแฟน้อย ดังนั้นอเมซอนน่าจะมีโอกาสขยายตัวธุรกิจ รวมทั้ง ปตท.ให้บริการเช่าสถานที่ และทำแฟรนไชส์ คือ เท็กซัสชิกเก้น (Texas Chicken) ดังนั้นธุรกิจหลักก็จะเป็นการค้าน้ำมัน และธุรกิจค้า รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศ และการขยายอเมซอนไปต่างประเทศ

สำหรับธุรกิจของ ปตท.พบว่าผลการดำเนินงานในเชิงรายได้ ขณะนี้แบ่งสัดส่วนเป็น PTT-Trading 32% P&R 28% PTTOR 20% PTT Gas15% และ PTTEP 5%

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น