OR กำลังรุกอาหารและเครื่องดื่ม ใช้เงิน 1,840 ล้านบาทซื้อธุรกิจอะไรบ้าง
หนึ่งในเป้าหมายภารกิจหลักที่สำคัญของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คือการปรับเพิ่มสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจ Non-Oil ให้อยู่ที่ระดับ 30-35% จากของเดิมที่อยู่ในระดับ 20-25% ภายในระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้ โดยภารกิจดังกล่าวมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ความสามารถในการแข่งขันทางด้านกำไรของ OR สูงขึ้น ด้วยแผนการเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการเพื่อต่อยอดจากของเดิมที่มีอยู่
โดยก่อนหน้านี้ธุรกิจทางด้าน Non-Oil หรือที่ OR เรียกว่ากลุ่มธุรกิจ Lifestyle ซึ่งมีเครือข่ายทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม มีร้านค้าที่เรารู้จักกันดีอย่าง เช่นร้านคาเฟ อเมซอน , ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเกน, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ ,เพิร์ลลี่ที ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์ จิฟฟี่ ในประเทศไทย
แต่อย่างไรก็ตาม OR มองว่ากลุ่มธุรกิจร้านค้าดังกล่าวที่มีอยู่แต่เดิมนั้น อาจจะยังไม่สามารถตอบโจทย์ และสร้างให้ EBITDA จากธุรกิจ Non-Oil เป็นไปตามภารกิจที่ให้ไว้กับนักลงทุนได้ จึงยังคงเดินหน้าเข้าซื้อกิจการร้านค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารวางแผนไว้แล้วว่าในปีนี้จะปิดดีลซื้อกิจการเพิ่มอีกหลายแห่ง
ดังนั้นในครั้งนี้ Wealthy Thai จึงจะพานักลงทุนมาสำรวจกันว่าตั้งแต่ที่ OR เข้าตลาดหุ้นมาแล้วนั้น ได้ใช้เงินไปกับการซื้อกิจการในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอะไรบ้าง และใช้เงินไปจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงดีลการซื้อกิจการในอนาคตจะมีเข้ามาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ตั้งแต่วันที่ OR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่ 11 ก.พ. 64 ใช้เงินลงทุนไปกับการซื้อกิจการในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มรวมกันว่า 1,840 ล้านบาท ซึ่งนับรวมกับดีลการลงทุนล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.65 โดยทาง OR แจ้งลงทุนในบริษัท โพลาร์แบร์มิชชนั่ จำกัด (“Freshket”) ในวงเงินไม่เกิน 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และในช่วงที่ผ่านมาทาง OR ประกาศเข้าซื้อบริษัท คามุ คามุ จำกัด (KAMU) แบรนด์ธุรกิจเครื่องดื่มชา และเครื่องดื่มอื่นๆ ในวงเงินประมาณ 480 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที OR ถือหุ้นอยู่ 100% จะเป็นตัวแทนเข้าไปถือหุ้น KAMU สัดส่วน 25%
รวมถึงในช่วงปลายปี ได้เข้าซื้อกลุ่มธุรกิจอาหาร KOUEN บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยม สัดส่วน 25% จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมวงเงินไม่เกิน 192 ล้านบาท อีกทั้งยังได้เข้าลงทุนในร้านกาแฟชื่อดัง Pacamara ซึ่งถือเป็น Specialty Coffee เลยทีเดียว ทั้งนี้ร้านกาแฟ Pacamara มีอยู่ทั้งหมด 10 สาขาทั่วประเทศไทย
ปิดท้ายกันที่ดีลการเข้าซื้อหุ้น 20% มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความสดใหม่ของผักที่ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ และถือเป็นการดำเนินกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการเติบโตจากภายนอก เพื่อเพิ่มผลกำไรในระยะยาว