4 กูรู สแกนหุ้นสู้เงินเฟ้อ ยกกลุ่มเปิดเมือง - ดบ.ขาขึ้น - อาหาร - น้ำมันเด่น

โบรกฯ สแกนหาหุ้นสู้เงินเฟ้อพุ่ง พบยังมีหลายกลุ่มน่าสนใจ พบส่วนใหญ่เชียร์กลุ่มเปิดเมือง ทั้งโรงแรม - โรงพยาบาล - ท่องเที่ยว หลังทิศทางท่องเที่ยวฟื้น หรือรอหุ้นที่รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น-ราคาอาหาร - น้ำมันแพงที่มาพร้อมเงินเฟ้อ
.
ภาพรวมเงินเฟ้อทั่วโลกยังไม่มีสัญยาณที่จะคลี่คลายลงในระยะเวลาอันสั้น หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับเป้าอัตราเงินเฟ้อไทยขึ้นเป็น 6.2% เดิม 4.9% ส่งผลให้นักวิเคราะห์ชั้นนำของไทย ต่างเริ่มหาหุ้นที่มีแรงต้านทานเงินเฟ้อมาให้นักลงทุนได้พิจารณากันมากขึ้น ดังนี้
.
* DBSV มองหุ้นโรงแรมช่วยหลบเงินเฟ้อได้
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSV) เปิดเผยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวไทยกลับมาทวีความสำคัญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย ตีคู่กับการส่งออกไทยได้อย่างน่าทึ่งปกติก็มีสัดส่วนมากถึง 15-20% ของ GDP ไทยอยู่แล้ว หลังจากเริ่มมีสัญญาณที่สดใสจากการเปิดประเทศ ขณะที่หลักทรัพย์กลุ่มท่องเที่ยวมีการปรับตัวขึ้นดีขึ้นกว่า SET อย่างมาก นั่นคือ SETTOURISM ปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) +22% ดีกว่า SET ที่ YTD -1% ถือว่าชนะตลาด (Outperform) แต่เช่นเดียวกับ
หลักทรัพย์กลุ่มอื่นๆ ที่มีปัจจัยลบเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเข้ามาเกี่ยว
.
หากกลับมาพิจารณาหลักทรัพย์กลุ่มโรงแรม หากมีการทำธุรกิจอาหารด้วย ก็จะเผชิญกับปัญหาต้นทุนของวัตถุดิบปรับขึ้นอย่างมาก แม้รายได้จะปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้า แต่จะเผชิญกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลงเป็นแรงกดดันต่อผลประกอบการ จากการประเมินพบว่า บจ.กลุ่มโรงแรมที่ทำธุรกิจอาหารเป็นหลักควบคู่กับโรงแรมคือ CENTEL และ MINT แต่กลับมี บจ.ที่น่าสนใจคือ เน้นทำ แต่ธุรกิจโรงแรม จึงไม่ได้รับผลลบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก แต่ได้รับผลดีจากแนวโน้มธุรกิจโรงแรมที่กำลังฟื้นตัวสูง ได้แก่ ERW (ราคาเป้าหมาย 4.50 บ.)และ SHR (ราคาเป้าหมาย 5.75 บาท)
.
* CNS เชียร์กลุ่มรพ. หลังรายได้ลูกค้าตะวันออกกลางพุ่งตามน้ำมัน
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS เงินเฟ้อในระยะถัดไป หลังเงินเฟ้อหมวดอาหารที่เร่งขึ้นจากภาวะขาดแคลน และการแบนส่งออกสินค้าเกษตรทั่วโลก ผสานราคาราคาน้ำมันดิบโลกที่กลับมายืนเหนือระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล สร้างความเสี่ยงต่อตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค.-มิ.ย.65 อาจกลับมาเร่งขึ้นหรือไม่ลดลง สร้างความกังวลการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นกว่าคาด
.
นอกจากนี้หากราคาน้ำมันเกิน 120 เหรียญฯ ต่อเนื่อง จะสร้าง Downside Risk กำไรตลาดโดยกำไรกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น จะถูกหักล้าง จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุน และปรับราคาขายขึ้นชดเชยไม่ทัน
.
โดยหุ้นแนะนำ คือกลุ่มที่เป็น Defensive Growth เข้าไฮซีซั่น อย่าง BDMS , BH เนื่องจากกลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่ม Outperform ในวงจรการลงทุน ช่วง Financial shock ผสานประเด็นรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ของประเทศตะวันออกกลางสูงขึ้น นอกจากนี้แผนเดินหน้าเปิดประเทศของไทย ล่าสุดยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศตั้งแต่ 1เม.ย. บวกต่อโรงพยาบาลที่พึ่งลูกค้าต่างชาติ
.
ส่วนหุ้นน่าติดตาม คือกลุ่มหุ้นที่เติบโตแรงไปกับกระแส Digital Tranformation & Digital Technology Consulting Services อย่าง BE8 - BBIK รวมถึงกลุ่มส่งออกอย่าง SAPPE - CPF - ASIAN หรือกลุ่ม Reopening Laggard อย่าง MAKRO - JUBILE - MAJOR - SABINA และหุ้นที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเร่งตัว และได้อานิสงจากราคาน้ำมันดิบทรงตัวสูง TOP - BCP
.
* ASPS เลือกหุ้นรับดบ.ขาขึ้น - เปิดเมือง
บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยว่า ภาวะเงินเฟ้อไทยเร่งตัวเช่นเดียวกับต่างประเทศ โดยเดือน พ.ค. 65 CPI เพิ่มขึ้นถึง 7.1%yoy สูงสุดในรอบ 13 ปี และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อ ขณะที่ คณะกรรมการ ธปท. เริ่มเสียงแตก โดยมีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.50% ต่อปี สร้างความกังวลต่อทิศทางในการใช้นโยบายการเงินตึงตัวและวานนี้ทางหอการค้าไทยได้มีการรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน เม.ย. อยู่ที่ 40.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 9 เดือน
.
บวกกับเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น แสดงให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังติดๆขัดๆ และอาจส่งผลให้หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง ล่าสุดเดือน เม.ย. 65 อยู่ที่ 10.04 ล้านล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 60.8% ต่อ GDP) มีโอกาสใกล้เคียงกับเพดานที่ 70% ต่อ GDP
.
ภายใต้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีอุปสรรคข้างหน้าอยู่ ดอกเบี้ยเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น อาจกดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย หรือขายทำกำไรบางช่วงเวลามากขึ้น เช่นเดียวกับในเดือน มิ.ย. (mtd) นี้ ที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5 ใน 6 วันทำการ
.
ส่วนหุ้น วานนี้เริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินไปสู่กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดดอกเบี้ยขาขึ้น อย่าง หุ้นธ.พ. BBL +5.5%, SCB+3.7% หุ้นประกัน BLA +3.2% รวมถึงหุ้นเปิดเมือง อย่างหุ้นท่องเที่ยว CENTEL +4.3% ในทางกลับกันกลุ่มหุ้นที่ได้รับ Sentiment เชิงลบ หากมีการขึ้นดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มการเงิน ASK -4.3% กลุ่มอสังหาฯ AP -1.8%, LH -1.7% เป็นต้น
.
ส่วนกลยุทธ์เลือกหุ้นได้ประโยชน์ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น BLA และหุ้นเปิดเมืองมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว MAJOR (เริ่มปลดล็อคให้นั่งติดกันได้), BEM (รอรายงานตัวเลข Traffic เดือน พ.ค. ในวันนี้)
.
* SCBS เปิดหุ้น 3 กลุ่มปลอดภัย
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS)มองความเสี่ยงของเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงโดยตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง มิ.ย. ถึงสิ้นปีนี้จะอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวลงจากวิกฤตราคาพลังงานและอาหารที่ยังปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาด้านอุปทานที่ตึงตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะน่า “Selective Buy” ในหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะดังนี้
.
1) หุ้นที่กำไรมีโมเมนตัมดีหรือฟื้นตัวตั้งแต่ Q2/65 เลือก IVL - AMATA - MTC - CPALL - OSP
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) อยู่ในทิศทางขาขึ้น เลือก BLA
3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากบาทอ่อน และ/หรือ จากวิกฤติราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น เลือก GFPT - CPF
