จากวัฏจักร Down Jones กับการปรับตัวของ Fed Fund Rate ดังนี้ คือ :
1) เดือน มีนาคม ปี ค.ศ 2000 : Down Jones = 11,732 จุด และ Fed Fund Rate = 6.50%
( เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นขาลงเนื่องจากเกิดฟองสบู่ดอทคอม แล้วทําให้ตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะหมีและ Fed Fund Rate มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากมีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไปยังตลาดตราสารหนี้ )
2) เดือน ตุลาคม ปี ค.ศ 2003 : Down Jones = 7,717 จุด และ Fed Fund Rate = 1.00% ( ฟองสบู่ดอทคอม )
( เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นขาขึ้น แล้วทําให้ตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะกระทิงและ Fed Fund Rate มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้น )
3) เดือน มิถุนายน ปี ค.ศ 2006 : Down Jones = 14,167 จุด และ Fed Fund Rate = 5.25%
( เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นขาลงเนื่องจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ แล้วทําให้ตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะหมีและ Fed Fund Rate มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากมีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไปยังตลาดตราสารหนี้ )
4) เดือน มีนาคม ปี ค.ศ 2009 : Down Jones = 6,547 จุด และ Fed Fund Rate = 0.25% ( วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ และ Fed Fund Rate ปรับขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี ค.ศ 2015 ( 6 ปี หลังจากปี ค.ศ 2009 ) จาก 0.25% เป็น 0.50% )
( เศรษฐกิจเสหรัฐอเมริกาป็นขาขึ้น แล้วทําให้ตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะกระทิงและ Fed Fund Rate มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้น )
5) วันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ 2018 : Down Jones = 26,951 จุด และ Fed Fund Rate = 2.25% ( All Time High )
( เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วทําให้ตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะกระทิงอย่างต่อเนื่องและ Fed Fund Rate มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง )
6) วันที่ 10 ธันวาคม ปี ค.ศ 2019 : Down Jones = 24,001 จุด และ Fed Fund Rate = 2.50%
7) " เพื่อนผู้รู้ใจ " คาดว่า Down Jones จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่อย่างน้อย 30,000 จุด ในวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งต่อไปในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 1 วัน และประธานาธิบดี Donald Trump จะได้รับเลือกตั้งให้กลับมาดํารงตําแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีก 1 สมัย และจะเป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกาในอนาคต
8) " เพื่อนผู้รู้ใจ " คาดว่า ฟองสบู่โลกจะแตกในปี พ.ศ 2564 เนื่องจากปัญหาหนี้สินท่วนโลก ซึ่งก็คล้องจองกับการคาดการณ์ของ Ray Dalio และ J.P.Morgan
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.bloomberg.com ) และ ( www.google.com )
2) " นายตลาดตัวจริงเสียงจริงอย่าง เอะอะ โผงผาง ไม่อยู่กับร่องกับรอย " จึงยํ้านักยํ้าหนาว่า " ถ้าอยากจะควบคุมสภาวะตลาดให้ได้ จะต้องควบคุมการปรับตัวของ Fed Fund Rate ให้ได้ "