ทำไมต้องลงทุน
ปัญหาของคนอยากลงทุน คือ
- ไม่รู้จะลงทุนในอะไรดี? ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน
- การลงทุนเป็นเรื่องที่ไม่ถนัด มันยากเหลือกเกิน
- มีอะไรให้ลงทุนได้บ้างล่ะ?
- การลงทุนต้องมีเงินเหลือเยอะๆก่อน ค่อยลงทุน
เอาตรงๆ ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกับทุกๆคนแหละครับ เพราะหลายๆคนรวมถึงผมเองก็ไม่ได้เรียนมาทางสายการเงินการลงทุนโดยตรง หรือมีคนที่คอยชี้แนะมาก่อน
*
การออมเงิน และการลงทุน ต่างกันที่การออมเงินจะเป็นการค่อยๆ เก็บเงินไว้ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การฝากเงิน ในขณะที่การลงทุนจะเป็นการนำเงินออมไปต่อยอดลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น เราต้องรู้ว่า เราจะลงทุนไปเพื่ออะไร โดยต้องคำนึงถึง “วัตถุประสงค์ในการลงทุน” กัน
โดยปกติแล้ว เราจะแบ่งวัตถุประสงค์การลงทุนออกได้เป็น 3 ข้อหลักๆ คือ
1.เพื่อสำรองสภาพคล่อง จะเป็นการลงทุนระยะสั้น โดยอาจจะมีแผนการใช้เงินภายใน 1 ปี ปกติคนเราควร มีเงินสำรองอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากเกินไปเพราะอาจทำให้ประสบปัญหาการขาดทุนได้ ในยามที่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์นั้นเพราะต้องการเงินมาใช้ ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและราคาไม่ค่อยผันผวน เพื่อนำมาใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินได้ แต่ก็ไม่ควรลงทุนในรูปแบบนี้มากเกินไป เพราะมีโอกาสได้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ
ตัวอย่างสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ และสภาพคล่องสูง ได้แก่ เงินฝาก ตราสารหนี้ระยะสั้น(เช่น พันธบัตรรัฐบาล/หุ้นกู้ ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี) กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น
2.เพื่อสร้างรายได้ จะเป็นการลงทุนระยะกลาง โดยจะมีแผนการใช้เงินในระยะเวลาประมาณ 1 – 3 ปี ข้างหน้า เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ และเพิ่มผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ เป็นเงินลงทุนที่ไม่มีความต้องการใช้ในระยะสั้น อาจเลือกแบ่งเงินมาลงทุน(จัดพอร์ทการลงทุน)ในสินทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงปานกลาง โดยลงทุนทั้งในตราสารหนี้ และตราสารทุน (หุ้น) เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงด้วย
3.เพื่อสร้างการเติบโต จะการลงทุนระยะยาว โดยมีแผนการใช้เงินหลังจาก 3 ปีขึ้นไป ได้แก่ การลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ หรือ การวางแผนเพื่อการศึกษาของบุตร หรือการลงทุนเพื่อเป้าหมายเฉพาะต่างๆ โดยแบ่งเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสามารถยอมรับความผันผวนของราคาตราสารได้มากกว่าการลงทุนระยะสั้น เช่น เพิ่มการลงทุนในตราสารทุน(หุ้น) และลงทุนในทรัพย์สินทางเลือกอื่น ได้แก่ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน เป็นต้น
“ทำอะไรก็ต้องมีเป้าหมาย” เป็นเรื่องปกติที่เราเข้าใจกันดี คงไม่มีใครเอาเงินไปลงทุน หรือลงมือทำอะไรลงไป ทั้งๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้อะไรกลับมา หรือ ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร
**
แต่..
สิ่งที่ทุกคนควรลงทุนมากที่สุด..คือ!! “เวลา”
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ล้วนแล้วแต่ลงทุนในเวลาครับ หลายคนสงสัยว่ามันคือยังไง ไหนลองอธิบายซิ!
มีประโยคนึงผมชอบมากๆครับ เคยอ่านในหนังสือเล่มนึงเขียนโดยนักลงทุนระดับโลก บอกไว้ว่า “ต่อให้คุณเอาเงินทั้งโลกมากองรวมกัน ก็ไม่สามารถซื้อเวลาที่ผ่านไปนั้นกลับคืนมาได้”
ทำไมเราถึงไม่ลงทุนกับเวลาที่จะศึกษาเรื่องการเงินให้ได้มากที่สุด
ผมว่ามันเป็นเรื่องจริงสุดๆเลยล่ะครับ เพราะผมว่าทุกๆคนรู้ตัวกันอยู่แล้วล่ะครับว่าเวลาไหนที่เรากำลังใช้เวลาไปอย่างไร้ค่า แต่เหตุผลหรือประเด็นที่ผมจะสื่อไปในคำถามนี้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ในโลกของการเงินในปัจจุบันที่มีผลกับชีวิตทุกคนที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำไมเราถึงไม่ลงทุนกับเวลาที่จะศึกษาเรื่องการเงินให้ได้มากที่สุดล่ะครับ
Aotto