ส่องอนาคตหุ้น MAKRO
เมื่อปัจจัยบวกกำลังช่วยสนับสนุน

.
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กำลังกลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้งหลังจากที่ขณะนี้มีปัจจัยเสริมที่จะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นยอดขายที่จะกลับมาเติบโตขึ้นจากยอดขายสาขาเดิมของทั้งธุรกิจค้าปลีก และค้าส่ง ทั้งจากตัวแม็คโคร และโลตัส
.
ประกอบกับการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่าจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนหนี้เงินกู้ ซึ่งผู้บริหารให้สัมภาษณ์ว่าจะสามารถช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละของบริษัทได้กว่า 500 ล้านบาท รวมถึงการขายบิ๊กล็อตของกลุ่มซีพี จะช่วยเพิ่มฟรีโฟลต และลุ้นมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนีที่สำคัญ
.
โดยเริ่มกันที่ปัจจัยบวกด้านของยอดขายสาขาเดิมทั้งจากแม็คโคร และโลตัส ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า ยอดขายสาขาเดิมในช่วงไตรมาส 4/65 ยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก High season จากฤดูท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และกิจกรรมพิเศษ เช่น ฟุตบอลโลก
.
ส่งผลดีต่อยอดขาย โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้า (HoReCa) ซึ่งช่วยหนุนยอดขายสาขาเดิมในเดือน พ.ย.-ธ.ค. แม้ว่าจะมีผลกระทบจากฤดูฝนและน้ำท่วม แต่ยอดขายสาขาเดิมในเดือน ต.ค. ของ MAKRO ยังเป็นบวกได้ราว 7-9%จากปีก่อน โดยถือว่าดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/65 ที่ 8.9%จากปีก่อน และยอดขายสาขาเดิมของ LOTUS เริ่มเป็นบวก ซึ่งคาดในเบื้องต้นจะเห็นยอดขายสาขาเดิมของทั้งไตรมาสมีโอกาสเป็นบวกระดับ 10-12% จากปีก่อน
.
ขณะที่ประเด็นบวกถัดมาคือ มีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มสัดส่วนปริมาณการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) MAKRO มี Free Float ที่เพิ่มขึ้นเป็น 15.04% จาก 13.53% หลังจากผู้ถือหุ้น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (CPH) ได้มีการขายหุ้น MAKRO ให้กับ Credit Suisse AG Singapore Branch จำนวน 160 ล้านหุ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีโอกาสลงทุนได้มากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเข้าซื้อขายในตลาด MSCI และในอนาคตมีโอกาสเข้าซื้อขายในตลาดอื่นเพิ่มขึ้นเช่น ตลาด FTSE หรือ SET 50
.
ปิดท้ายที่ประเด็นแผนการลดหนี้ โดย MAKRO รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 25 พ.ย. จากการประชุมผู้ถือหุ้น ได้มีการรายงานการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้รับส่วนที่เหลือจากการเสนอขายและจัดสรรหุ้นสามัญ (PO) ในช่วงปลายปี 2564 จำนวน 9.8 พันล้านบาท โดยคาดจะนำมาชำระหนี้ได้ ภายในไตรมาส 1/66
.
นักวิเคราะห์มองว่าจากแผนลดหนี้ของ บริษัท 9.8 พันล้นบาท ในไตรมาส 1/66 อยู่ในประมาณการปี 2566 ที่คาดบริษัทจะมีการลดหนี้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติเดิม 1.3 หมื่นล้านบาท และราคาเหมาะสม ที่ 48 บาท (DCF) ทั้งนี้ในปี 2566 ทาง MAKRO อาจมีแผนการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายในรูปแบบอื่นเพิ่ม ส่งผลดีต่อการลดภาระค่าดอกเบี้ยของบริษัทให้ลดลงในอนาคต
.
โดยผู้บริหารของ MAKRO ได้ให้ข้อมูลในงาน Opportunity Day ว่า เนื่องจากดอกเบี้ยจะเพิ่มในปี 66 ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี จึงทำให้บริษัทต้องนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากการระดมทุนไปชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาระดอกเบี้ยได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี
.
ขณะเดียวกันบริษัทจะเปลี่ยนเงินกู้ที่เป็นรูปแบบดอลลาร์สหรัฐให้เป็นเงินบาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและคาดว่าจะทำให้ได้ ภายในไม่เกิน 4 เดือนแรกของปี 66 เพื่อช่วยให้บริษัทลดดอกเบี้ยได้ เพื่อให้มาเป็นปัญหาในปี 66 ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่มากกว่า 2.5%
.
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 48 บาท โดยมองว่าบริษัทได้มีการบริหารจัดการภายใน ทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากเงินเฟ้อและการพัฒนาทางด้านระบบ เช่น การติดตั้ง solar rooftop การปรับเปลี่ยนวิธีการขนส่งสินค้าระหว่างสาขา และการบริหารจัดการผลกระทบจากภาระหนี้ที่สูงจากการปรับเปลี่ยนหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนที่ถูกกว่า
.
ขณะเดียวกันแนวโน้มยอดขายมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถทำได้เป็นปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า(HoReCa) สอดคล้องกับยอดขายสาขาเดิมที่เป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่ยังมีประเด็นบวก จากมาตรการรัฐที่อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" และ "ช้อปดีมีคืน" ที่รอผลการพิจารณาจาก ครม.