จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?
เมื่อ JWD กับ SCGL รวมร่างเป็น “SJWD”
.
วันนี้เป็นวันแรกในการใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ของ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้ทำธุรกรรมรวมกิจการระหว่าง “เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์” กับ เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ (SCGL) แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย และได้ดำเนินการจึงเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 66 ทำให้ในไตรมาส 1/66 จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน
.
โดยนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD ฉายภาพให้เห็นว่าการรวมกิจการกันในครั้งนี้ จะยกระดับบริษัทเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เมื่อวัดจากรายได้และกำไร
.
ทั้งนี้ดำเนินธุรกิจในอาเซียน 9 ประเทศ อาทิ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมจีนตอนใต้ ฯลฯ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าครอบคลุมทั้งกลุ่ม B2B (Business-to-Business) B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) และ C2C (Customer-to-Customer) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ (End-to-End) ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
.
สำหรับการผสานความแข็งแกร่งระหว่าง JWD และ SCGL จะเพิ่มศักยภาพธุรกิจและขีดความสามารถการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการนำเสนอการบริการและผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลาย เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multi-modal Transportation) สามารถบริหารจัดการและลดต้นทุนได้ดียิ่งขึ้นจากการแชร์ทรัพยากรร่วมกัน เช่น ระบบไอที รถขนส่ง
.
อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสขยายการลงทุนจากการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรับโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E Ratio) ของ JWD ก่อนรวมกิจการอยู่ที่ 1.8 เท่า และเมื่อรวมกิจการเป็น บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จะลดลงประมาณ 0.4 เท่า
.
ขณะที่มุมของแนวโน้มผลการดำเนินงานภายหลังรวมกิจการจะโดดเด่นยิ่งขึ้น ข้อมูลตามงบการเงินรวมเสมือนงวดปี 2564 ของ บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จะมีรายได้รวม 25,548 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,152 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 จะมีรายได้รวม 14,270 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 584 ล้านบาท
.
ทั้งนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในอนาคตมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 50% จากปัจจุบันที่ JWD มีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศกว่า 20% เนื่องจากศักยภาพการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น
.
ต่อจากนี้ นักลงทุนจะเห็นภาพของการผสานผสานความแข็งแกร่งระหว่าง JWD ที่มีความเชี่ยวชาญการให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทาง และ SCGL ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์แก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมและมีวัฒนธรรมการทำงานแบบมืออาชีพ
.
ด้วยฐานลูกค้ารวมกันที่มีมากกว่า 2,400 ราย พื้นที่คลังสินค้าทุกประเภทและลานจอดพักรถรวมกันกว่า 2.3 ล้านตารางเมตร รถขนส่งกว่า 12,000 คัน และเรือบรรทุกสินค้ากว่า 240 ลำ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาคอาเซียน
.
โดยใช้กลยุทธ์ท่าไม้ตายผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ (1) การเพิ่มรายได้จากการ Cross-Sale และ Up-Sale จากฐานลูกค้าเดิมของ SCGL และ JWD (2) สร้างมูลค่าเพิ่มในบริการเดิมที่แต่ละฝ่ายมีความชำนาญ (3) เชื่อมต่อฐานการให้บริการในภูมิภาคอาเซียนแบบไร้รอยต่อ
.
(4) ให้บริการแบบ D2C (Direct to Consumer) ตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และสุดท้ายข้อ (5) พัฒนาขอบเขตการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม บริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับจัดการโลจิสติกส์
.
[นักวิเคราะห์ให้กำไรโต 135%]
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่ายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 1,270 ล้านบาท เติบโต 135.3% จากปีก่อน จากการรวมงบการเงินหลัง M&A เป็นปีแรก โดยยังไม่รวมประโยชน์ที่ได้จากการเกิด Synergy และดีล M&A ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและคาดจะต่อยอดรายได้และกำไรได้ภายในปีนี้ และมองราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ที่ 24.20 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ในเชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหลังประกาศผลประกอบการ