ห้องเม่าปีกเหล็ก

แกะพอร์ต 1.2 พันล้าน เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล

โดย dave
เผยแพร่ :
64 views

แกะพอร์ต 1.2 พันล้าน เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ORI, BROCK, AJ ยังอยู่ครบ!!

หนึ่งในนักลงทุนที่นักลงทุนรายย่อยให้การติดตามพอร์ตการลงทุนมากที่สุด หนีไม่พ้น เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล นักลงทุนรุ่นเก๋าในตลาดหลักทรัพย์ ที่คร่ำหวอดอยู่ในตลาดทุนไทยมาอย่างยาวนาน โดยการเข้าถือหุ้นของเสี่ยปู่มักจะได้รับการจับตา เพราะเสี่ยปู่นิยมเข้าถือหุ้นในขนาดกลางและขนาดเล็กที่กำลังเติบโตแรง

             

โดยในพอร์ตมูลค่า 1.2 พันล้านบาท มากกว่าครึ่งหนึ่งเสี่ยปู่ตัดสินใจถือหุ้น ORI หนึ่งในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกลายเป็น ORI โมเดล ที่หลายบริษัทพยายามจะเลียนแบบวิธีการสร้างการเติบโต จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น ใช้ตลาดทุนจนกลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้วยเวลารวดเร็ว นอกจากนี้เสี่ยปู่ยังถือหุ้นอย่าง BROCK AJ รวมถึงหุ้นร้อนๆ อย่าง GL อยู่ในพอร์ตด้วย

 

หุ้น                            มูลค่า

ORI                     827 ล้านบาท

BROCK                168 ล้านบาท

AJ                        93 ล้านบาท

GL                       57 ล้านบาท

ICN                     17 ล้านบาท

SST                     15 ล้านบาท

MM                        9 ล้านบาท

GREEN                  4 ล้านบาท

APEX                     3 ล้านบาท

ACAP                     2 ล้านบาท

 

พอร์ตรวม  1,201  ล้านบาท

 

 

ORI ยังแข็งแกร่ง

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ จำกัด รายงานว่า เราประเมินผลการดำเนินงานของ ORI ใน 2H63 จะเด่นกว่า 1H63 หลังมีแผนการโอนโครงการใหม่ที่จะแล้วเสร็จ 11 โครงการ โดยโครงการทั้งหมดมี Backlog ที่จะรับรู้ราว 10,000 ล้านบาท ในส่วนของยอด Presales เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับแผนการเปิด 12 โครงการในช่วง 2H63 มูลค่ารวม 16,700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ซึ่งยังมีกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้า Real Demand จะเป็นปัจจัยหนุนยอด Presales ให้ถึงเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 21,500 ล้านบาท หลัง 1Q63 บริษัทมียอด Presales แล้ว 4,850 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของเป้าหมาย

 

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-64 ลง

  

เราปรับประมาณการรายได้ในปี 2563 ลง 20% เหลือ 10,956 ล้านบาท และในปี 2564 ลง 18% เหลือ 13,300 ล้านบาท หลังผลประกอบการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 มากกว่าที่คาด ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลง ทั้งนี้ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2563 เหลือ 2,604 ล้านบาท (ลดลง 22% จากเดิม) และปี 2563 เหลือ 3,039 ล้านบาท (ลดลง 19% จากเดิม) อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 2H63 จะออกมาดีกว่าใน 1H63 หนุนจากโครงการที่จะแล้วเสร็จอีก 11 โครงการ และคาดว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายและการโอน

 

แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 6.90 บาท

  

เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้ว่าเราจะปรับประมาณการกำไรสุทธิลง แต่จาก Backlog ที่บริษัทมี ซึ่ง Secure ยอดโอนทั้งหมดของเป้าที่เราประมาณการไว้ (รวมโครงการ JVs) ทาให้เราเชื่อว่ากำไรสุทธิที่เราคาดไว้ที่ 2,604 ล้านบาท มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ประกอบกับแนวโน้มสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลาย และการปลดล็อคเฟส 2 ทำให้เราคาดว่ายอด Presales และยอดโอนจะฟื้นตัว นอกจากนี้เราเห็นศักยภาพในการปรับตัวให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบ เนื่องจากยังเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ ทั้งนี้ ณ ราคาปัจจุบันมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานที่เราให้ไว้ที่ 6.90 บาท อิง PER 6.5 เท่า (เดิม 9.00 บาท) อยู่ 43% ทำให้แนะนำ "ซื้อ" และคาดอัตราเงินปันผลปี 2563 ที่ 0.42 บาท

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave