ห้องเม่าปีกเหล็ก

เมื่อนักท่องเที่ยวจีน...เมินไทย แต่สนใจญี่ปุ่น...!!!

โดย นักเดินทาง
เผยแพร่ :
27 views

เมื่อนักท่องเที่ยวจีน...เมินไทย แต่สนใจญี่ปุ่น...!!!

ท่ามกลางความหวังว่าการเปิดประเทศของจีนจะดันไทยกลับสู่ยุครุ่งเรืองด้านท่องเที่ยว แต่ภาพจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่เพียง 1.65 ล้านคน — ห่างไกลจากเป้าหมาย 8 ล้านคนตลอดปีที่หลายฝ่ายเคยคาดหวัง ในขณะที่ญี่ปุ่นกลับแซงหน้า กลายเป็นจุดหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวจีน ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทะลุ 2 ล้านคนในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

 

จุดเปลี่ยนที่เห็นได้จากข้อมูลจริง

ก่อนไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยยังมีจำนวนมากกว่าผู้ที่เดินทางไปญี่ปุ่นอย่างชัดเจน หรือหากมีบางช่วงที่ญี่ปุ่นมีจำนวนนำหน้า ก็ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแบบไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 คือ “จุดพลิกผัน” ที่สำคัญ หลังจากนั้น ส่วนต่างของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เลือกญี่ปุ่นและไทยก็ถ่างกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2025 นักท่องเที่ยวจีน “เลือกญี่ปุ่น” มากกว่าไทยเกิน 1 ล้านคน อย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

ทำไมจีนถึงเลือกญี่ปุ่น?

1. ค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกว่า "ญี่ปุ่นถูกลง" โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในไทยที่ยังทรงตัวหรือแพงขึ้นในสายตาชาวจีน

2. ภาพลักษณ์ของคุณภาพและบริการ ญี่ปุ่นมีจุดแข็งด้านความสะอาด ความปลอดภัย และบริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูงขึ้น

3. การตลาดและประสบการณ์เฉพาะตัว ญี่ปุ่นลงทุนสร้างภาพจำที่ชัดเจน เช่น ซากุระ หิมะ อาหารตามฤดูกาล หรือเทศกาลท้องถิ่นที่แตกต่าง ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึก “คุ้มค่า” และ “มีเรื่องเล่า” เมื่อกลับบ้าน

 

แล้วไทยพลาดอะไร?

แม้ไทยจะยังเป็นจุดหมายยอดนิยม แต่ “ความใหม่” ของประสบการณ์กำลังลดลง นักท่องเที่ยวจีนหลายคนมาไทยแล้วมากกว่า 1 ครั้ง แต่กลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ ขณะที่ปัญหารถติด มิจฉาชีพ และความปลอดภัย กลายเป็นข่าวกระทบบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการสื่อสารทางการตลาดของไทยยังไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่ที่ต้องการ “คุณค่า” มากกว่าแค่ “ราคา”

นอกจากนี้ ยังมี “กระแสด้านลบ” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของชาวจีนต่อประเทศไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่งปรากฏในหลายรูปแบบ

 

กระแสที่ 1: ภาพยนตร์จีน No More Bets ที่ออกฉายเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ถ่ายทอดเรื่องราวของการล่อลวงให้คนจีนไปทำงานต่างประเทศแล้วถูกบังคับให้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม้ในหนังจะไม่ได้ระบุชื่อประเทศ แต่ผู้ชมชาวจีนจำนวนมาก “ตีความ” ไปแล้วว่าเป็นประเทศไทย

 

กระแสที่ 2: ข่าวการหลอกลวงคนจีนเข้าสู่ขบวนการคอลเซ็นเตอร์โดยเริ่มต้นจากการเดินทางมาที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกรณีของ “หวัง ซิง” นักแสดงชื่อดังที่ตกเป็นเหยื่อ ก็ยิ่งทำให้ประเด็นนี้เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นนอกไทย แต่ในสายตาของคนจีน “ทุกอย่างเริ่มต้นจากประเทศไทย”

 

กระแสที่ 3: การที่จีนส่ง “หลิว จงอี้” ตำรวจระดับสูงมาปฏิบัติภารกิจปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย กลายเป็นภาพที่สื่อถึง “การยอมรับโดยปริยาย” ว่าฐานปฏิบัติการของขบวนการเหล่านี้อยู่ในเมืองไทย โดยเฉพาะตามแนวชายแดนติดเมียนมา แม้จะมองว่าเป็นความร่วมมือเชิงบวก แต่ในเชิงภาพลักษณ์แล้วกลับส่งผลลบมากกว่า

เมื่อรวมกับการที่คนจีนจำนวนมากเชื่อว่า “เหยื่อ” ของแก๊งเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอก ไม่ใช่ผู้ร่วมขบวนการ จึงยิ่งทำให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยฝังลึก และส่งผลให้ไทยกลายเป็น “จุดหมายที่ไม่น่าไว้ใจ” ในสายตาคนจีนรุ่นใหม่

 

ถึงเวลารีแบรนด์ “ไทย” ใหม่ในสายตาจีน

ถ้าไทยยังต้องการรายได้จากท่องเที่ยวจีนอย่างยั่งยืน เราอาจต้องเปลี่ยนจากการรอให้เขามาเอง เป็นการ “ทำให้เขาอยากมา” ด้วยการสร้างภาพจำใหม่ เสนอประสบการณ์เฉพาะตัว และฟื้นความมั่นใจในความปลอดภัย–คุณภาพ เพื่อให้ “ไทย” ไม่ใช่แค่ที่เที่ยวเดิมๆ ที่เคยมา...แต่เป็น “ที่ที่ต้องกลับมาอีกครั้ง” เพราะมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจริงๆ

.

เรื่องและภาพ: สิทธิศักดิ์ ชุณหรุ่งโรจน์ Economist, Bnomics

════════════════

 

เนื้อหาที่มาข้อมูลจาก..  Bnomics by Bangkok Bank


นักเดินทาง