ห้องเม่าปีกเหล็ก

ก้องเกียรติ ตอบคำถาม ตลาดหุ้นไทยจะมีอัพไซด์จากแรงหนุนเงินลงทุนต่างชาติในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้หรือไม่

โดย Financial Investor
เผยแพร่ :
74 views

 

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มเห็นค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า หนุนนักลงทุนต่างชาติหันกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยติดต่อกันหลายวันทำการ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีสัญญาณปรับฐาน

 

Question: ถามว่าตลาดหุ้นไทยจะมีอัพไซด์จากแรงหนุนเงินลงทุนต่างชาติในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้หรือไม่?

 

Ans: ในเรื่องนี้ ดร.ก้องเกียรติ  โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) ให้มุมมองว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงนี้ถือเป็นภาวะปกติ เพราะก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาสูงตอบรับกับนโยบายนายโดนัล ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แต่ก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกหากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมองว่าจะแกว่งตัวในกรอบจำกัด เพราะยังไม่เห็นปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นการลงทุน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปีนี้ก็เติบโตราว 8% ไม่หวือหวาเหมือนปีก่อนที่ทำได้กว่า30% จึงยากที่ฟันด์โฟลว์ต่างชาติจะไหลเข้าหุ้นไทยแบบต่อเนื่อง


 "ตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นมาเยอะตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา รับกับนโยบาย "ทรัมป์" ที่ชนะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเงินเฟ้อจะกลับมาแน่นอน แต่หลังจากนั้น 3-4 เดือนก็ยังไม่เห็นความชัดเจนนโยบายเป็นรูปธรรมและผิดหวังกับนโยบายประกันสุขภาพ ประกอบกับปิดงบไตรมาส1 ทำให้หลังจากเดือน มี.ค.ตลาดฯน่าจะไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามาหนุน ทำให้จึงเห็นแรงขายออกมาในหุ้นสหรัฐฯ ดอลลาร์อ่อนค่า และสกุลเงินอื่นๆที่เทียบกับดอลลาร์อย่างยูโร เยน รวมถึงบาทก็แข็งค่าขึ้น ทำให้เห็นเงินไหลเข้า แต่ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาหุ้นธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯปรับขึ้นถึง 30-35% ดังนั้นหากจะปรับลง 10% ก็เป็นเรื่องปกติ

 

Question: ถามว่าเกิดฟองสบู่ในตลาดหุ้นหรือยัง? 

 

Ans: (ดร.ก้องเกียรติ ) คิดว่า.. ตราบใดที่บริษัทจดทะเบียนมีกำไรรองรับความแพงขึ้นของราคาหุ้นได้ยังไม่น่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณนั้น รวมถึงหุ้นไทยด้วยที่ปัจจุบันไปไหนได้ไม่ไกล เพราะกำไรบจ.ประเมินโตแค่ 8% เทียบกับปีก่อนที่โต 30% ดังนั้น จะให้หุ้นไทยขึ้นเหมือนกับปีที่ผ่านมาคงจะเป็นเรื่องยาก

 

ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกก็เทรดกันบน P/E สูง หากจะขึ้นต่อไปได้ต้องมีกำไรที่เติบโ๖อย่างมีนัยมารองรับ แต่หุ้นกลุ่มใหญ่ในหุ้นไทยตอบรับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ทำให้กรอบขาลงแรงๆจึงจำกัด

 

โดยเราต้องติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจประเทศใหญ่อย่างจีน ที่ไทยก็เกาะในกลุ่มนี้หากฟื้นตัวได้ชัดเจนก็มีโอกาสฟันด์โฟลว์จะไหลเข้ามามากได้ในอนาคต นอกจากนั้น ยังรวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐถ้าเกิดเป็นรูปธรรมก็จะช่วยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าสิ่งที่สหรัฐฯลงทุนไปเยอะ อาจจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงได้เพราะเป็นหนี้มาก ซึ่งก็ต้องจับตากันต่อไป"ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

 

 

Question: มองการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อะไรดีที่สุด


Ans: ดร.ก้องเกียรติ บอกว่า สำหรับการลงทุนในปีนี้ยังคงให้น้ำหนักกระจายความเสี่ยง ในการลงทุนหลายตลาดฯเพื่อลดความผันผวนจากปัจจัยที่ไม่แน่นอน โดยส่วนตัวคาดตลาดหุ้นที่จะ Outperform มากที่สุด ยังคงเป็นสหรัฐฯเพราะหากนโยบาย นาย โดนัล ทรัมป์ มีความชัดเจนแล้วทั้งในเรื่องการกระตุ้นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลดภาษีนิติบุคคล จะเป็นปัจจัยสร้างอัพด์ไซด์ให้กับตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัว และถัดมาคือตลาดหุ้นยุโรป ที่แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงการเลือกตั้งในหลายประเทศ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้เป็นลำดับ ขณะที่ราคาหุ้นในยุโรปปรับฐานมานานจึงมองเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

 

นอกจากนั้น ยังมีมุมมองบวกกับตลาดหุ้นฮ่องกง และญี่ปุ่น ส่วนตลาดหุ้นไทยเลือกเป็นตลาดที่น่าลงทุนอันดับที่5 ของตลาดหุ้นที่น่าสนใจในปีนี้

 

- ที่มา  : moneychannel


Financial Investor