ใครที่ได้สิทธิ “มอ33 เรารักกัน” จันทร์ที่ 22 มี.ค. 21 นี้ ก็จะได้เงินงวดแรกไปใช้แล้ว 1,000 บาท และจะได้รวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 4,000 บาท ช่วยภาระค่าใช้จ่ายไปได้บ้างในช่วงนี้
แต่วันนี้ไม่ได้พามาคุยถึงเรื่องดังกล่าวแต่ประการใด หากแต่จะพามาเปิดพอร์ตหุ้นของ “กองทุนประกันสังคม” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนสถาบันที่สำคัญรายหนึ่งในตลาดหุ้นไทยกัน
เบื้องหลังความสำเร็จของนักลงทุนเหล่านี้ อาจเป็นไอเดียให้กับนักลงทุนในหุ้นที่เป็น ‘นักลงทุนทั่วไป’ ได้มองเห็นและนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง
ปัจจุบัน “กองทุนประกันสังคม” ถือหุ้นอยู่ประมาณ 46 ตัว เม็ดเงินรวมกันกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โดย Top10 “หุ้น” ในพอร์ตมีน้ำหนักรวมกันประมาณ 61% ของพอร์ตเลยทีเดียว
วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthythai’ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย
“การกระจายการลงทุน” หนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จของ “กองทุนประกันสังคม”
เรื่องของ “การกระจายการลงทุน (Asset Allocation)” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่นักลงทุนสถาบันทั่วโลกใช้กันและเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วไปน่าจะนำไปปรับใช้ได้ให้เหมาะกับตัวเอง เพราะนี่คือปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อผลตอบแทนที่คุณจะได้รับมากที่สุดนั่นเอง
นอกจากการกระจายการลงทุนไปใน “สินทรัพย์” ที่หลากหลายแล้ว เช่น หุ้น, ตราสารหนี้ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น ในระดับของตัวสินทรัพย์เอง ก็ยังสามารถที่จะกระจายความหลากหลายได้เช่นเดียวกัน
หากดูหน้าตาหุ้น 46 ตัว ในพอร์ตของ “กองทุนประกันสังคม” จะพบว่า มีการใช้กลยุทธ์กระจายการลงทุนหลากหลายที่น่าสนใจ ได้แก่
-กระจายไป ‘หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม’ เช่น แบงก์, พลังงาน, อสังหาริมทรัพย์, ปิโตรเคมี หรือสื่อสาร เป็นต้น
-กระจายไป ‘หลากหลายสไตล์’ เช่น หุ้นปันผลดี, หุ้นเติบโตสูง หรือหุ้น Defensive ที่ทนต่อความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น
-กระจายไป ‘หลากหลายขนาด’ เช่น หุ้นใหญ่, หุ้นกลาง และหุ้นเล็ก เป็นต้น
“สำหรับนักลงทุนทั่วไป เราคงไม่ต้องกระจายไปในหุ้นมากมายขนาดนี้ เอาที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่มีสูตรตายตัว บางคนก็บอกเอาเท่าที่ดูแลไหว 3 – 5 ตัว เป็นต้น แล้วก็ทำตัวเองให้เหมือนกับเป็นผู้จัดการกองทุนบริหารเงินของตัวเองดู การกระจายการลงทุนเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในระยะยาวเป็นสำคัญ ให้พอร์ตสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอให้ได้นั่นเอง”
“ปรับเปลี่ยนหุ้น”...หากพบโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจกว่า
เมื่อพูดถึงการจัดสรรเงินลงทุนเพื่อตอบโจทย์การลงทุนระยะยาว ก็ดูไม่น่าตื่นเต้น ไม่เร้าใจ หรือจัดเสร็จแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร ถือไป 5 ปี 10 ปี แบบนั้นหรือ? คำตอบ คือ “ไม่ใช่”
“นักลงทุนสถาบัน” ก็ต้องทำงานบริหารเงินซึ่งเป็นอาชีพของเขาแบบเต็มเวลา ก็ขนาดนักลงทุนทั่วไปเล่นหุ้นยังทำการบ้านของตัวเองตามสไตล์ที่ตัวเองถนัดกันเลย นักลงทุนสถาบันก็เช่นเดียวกัน ลองดูหุ้นในพอร์ตทั้ง 46 ตัว ของ “กองทุนประกันสังคม” ดูจะพบว่า...หุ้นไม่ขี้เหร่ ไปถามนักลงทุนทั่วไปก็คงให้ผ่านเช่นกัน จะไม่มีหุ้นผีบอก หุ้นซิ่ง หุ้นที่ซื้อไปแล้ว คืนนี้จะหลับได้หรือเปล่า ไม่มี นี่ก็คือส่วนหนึ่งของการทำการบ้าน ที่ต้องมองหา “หุ้นดี เพื่อลงทุนในระดับราคาที่เหมาะสม” นั่นเอง
“จากการสำรวจข้อมูลมาล่าสุด ตั้งแต่ต้นปี21 มาถึงปัจจุบัน มีหุ้นหายไปจากพอร์ต ‘กองทุนประกันสังคม’ อยู่ 5 ตัว ได้แก่ HANA, MAJOR, AMATA, CK และ QH ในขณะที่มีหุ้นใหม่เพิ่มเข้ามา 3 ตัว ได้แก่ OR, BPP และ SYNEX นี่ก็สะท้อนว่า นักลงทุนสถาบันเองก็มองหาโอกาสการลงทุนอยู่เสมอ ไม่ใช่เลือกหุ้นมาแล้วถือยาวโดยไม่ทำอะไรแต่ประการใด เพราะหุ้นทุกตัวที่ถือไว้ก็จะมีเหตุผลในการถือครอง มีมูลค่าของหุ้นเป้าหมายจากกระบวนการวิเคราะห์อยู่แล้วเช่นกัน”
หุ้น Top10 ในพอร์ตจะมีน้ำหนักการถือแต่ละตัวไม่เกิน 10% มีตั้งแต่ 3-9% ผลตอบแทนของหุ้นทั้ง 10 ตัว ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันก็หลากหลาย ไม่ได้ดีไปหมดทุกตัว แต่เมื่อ “ผสมผสาน” กัน ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนระยะยาวได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับ “นักลงทุนทั่วไป” การประเมินมูลค่าหุ้นคงต้องอาศัยบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ทำกันออกมา รวมทั้งอาจแสวงหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองก็ช่วยได้ แต่ถ้าไม่มีเวลา มีงานประจำต้องทำ “กองทุนรวม” ก็เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี รู้หรือไม่ว่า... ‘นักลงทุนสถาบัน’ เหล่านี้จะมีกระบวนการวอเคราะห์หุ้นภายในของตัวเองด้วย ไม่ได้อาศัยแค่บทวิเคราะห์แต่ประการใด และจะมีมุมมองการลงทุนระยะยาวเป็นสำคัญ
ลองมอง “พอร์ตหุ้น” กองทุนประกันสังคม จับเอาไอเดียแนวคิดของ “นักลงทุนสถาบัน” ในการบริหารเงินลงทุนในหุ้นของเขาดู อาจสามารถปรับมาใช้กับการบริหารพอร์ตการลงทุนในหุ้นส่วนตัวคุณเองก็ได้ (หุ้นในพอร์ตอาจหมุนเวียนเปลี่ยนไป-แต่แก่นไอเดียจะยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง) หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก