ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่อง 10 บริษัทอสังหาฯ ชื่อดัง!

โดย STAND UP
เผยแพร่ :
514 views

ส่อง 10 บริษัทอสังหาฯ ชื่อดัง!

ไตรมาส 1 ผลงานจะน่าประทับใจแค่ไหน?

.

ปี 2566 เป็นปีที่บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประกาศเปิดตัวโครงการใหม่สูงทำสถิติใหม่หลายบริษัท ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ทำให้ภาพรวมผลประกอบการถูกจับตามองว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามจำนวนการเปิดโครงการใหม่หรือไม่ ดังนั้น Wealthy Thai จึงมีแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/66 ของหุ้นกลุ่มอสังหาฯ มาฝาก มาดูกันว่าแต่ละบริษัทจะสร้างการเติบโตได้น่าประทับใจแค่ไหน

.

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ ที่ฝ่ายวิเคราะห์ศึกษารวม 15 แห่ง ได้แก่ PSH, SC, SIRI, SPALI, ORI, BRI, LH, NOBLE, ASW, SENA, AP, LALIN, LPN, QH และ ANAN จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

.

โดยกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/65 เกิดจากการโอนฯ ที่ต่อเนื่องของคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จเมื่อปีก่อน และการมียอดขานรอโอน (backlog) แนวราบสิ้นปี 2565 ที่รอส่งมอบ ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป รวมถึงการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 1/66 ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 นอกจากนี้การดำเนินงานของธุรกิจอื่น และบริษัทร่วมที่เกี่ยวเนื่องกับการเปิดเมือง เช่น ค้าปลีก โรงแรม ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นตามการท่องเที่ยวไทยที่มีแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ

.

ทั้งนี้หากพิจารณารายบริษัท PSH ภาพธุรกิจ หลักอสังหาฯ ยังท้าทายทั้งการแข่งขันสูง และ ยอด Cancellation สูง ประกอบกับแบ็กล็อกรอโอนฯ ปีนี้มีค่อนข้างน้อย ทำให้การสร้างยอดโอนฯ ต้องมาจากการขายสต๊อกโครงการเดิม และเปิดโครงการแนวราบใหม่มากขึ้น ซึ่งจากแผนปีนี้จะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังเป็นส่วน ใหญ่ โดยเฉพาะไตรมาส 4/66 คงต้องติดตามว่าจะสามารถเปิดได้ครบและรับรู้รายได้ทันปีนี้ จึงคงคำแนะนำ SWITCH ไป AP, LH และ SIRI

.

สำหรับ AP คาดกำไรไตรมาส 1/66 ที่ 1.42 พันล้านบาท ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามยอดโอนฯ อ่อนตัว เนื่องจากงวดปีก่อนโอนฯ แนวราบและคอนโดฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์รายไตรมาส แต่เติบโต 23% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการโอนฯ แนวราบและ 2 คอนโดมิเนียมใหม่ (เป็น JV 1 โครงการ) หนุนต่อยอดโอนฯ และส่วนแบ่งกำไร

.

นอกจากนี้มาร์จิ้นขายดีขึ้น 1.5% จากการโอนฯ บ้านเดี่ยวมาร์จิ้นสูง และค่าใช้จ่ายขายบริหารลดลงตามเปิดโครงการใหม่ที่มีไม่มาก แนะนำ Outperform ราคาเป้าหมายที่ 15.50 บาท

.

ส่วน LH นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 เบื้องต้นคาดที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 30% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่ปรับลดลงมาจากกลุ่ม residential เป็นสำคัญ ตาม presale ที่ไม่ดีนัก

.

ขณะที่ประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 8.88 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน มีโอกาส downside เช่นกัน อย่างไรก็ตามด้าน net profit จะมี downside จำกัด เพราะในครึ่งหลังของปีนี้มีแผนการขายสินทรัพย์ 1-2 แห่ง ซึ่งจะรับรู้เป็น extra gain เข้ามาชดเชย จึงคงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท โดยจุดเด่นมาจากคาดปันผลจ่ายสูง 6.6% แต่ช่วงสั้นที่ขาด catalyst ใหม่ จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ให้น้ำหนักครึ่งหลังของปีนี้น่าสนใจกว่า

.

ถัดมา SIRI นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 1.46 พันล้านบาท หากไม่รวมกำไรขายโรงเรียน 500 ล้านบาท ประเมินกำไรปกติ 963 ล้านบาท เติบโต 361% จากไตรมาส 1/65 ที่มีฐานต่ำ จากการโอนฯ ต่อเนื่องของแนวราบ และคอนโดมิเนียมทั้งรูปแบบของบริษัทเอง และ JV หนุนต่อยอดโอนฯอีกทั้งส่วนแบ่งกำไรสูงขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายลดลง

.

แต่หากเทียบกำไรปกติในไตรมาส 1/66 กับไตรมาส 4/65 จะลดลง 45% ตามปัจจัยฤดูกาล คงแนะนำ Outperform ด้วยราคาเป้าหมาย 2.32 บาท

.

SC นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/66 ที่ 552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งมอบต่อเนื่อง ของแนวราบ และโอนฯ ของ 3 คอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 4/65 คาดหนุนยอดโอนฯ เติบโต 25% จากไตรมาส 1/65 เท่ากับ 4.5 พันล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม 22 ล้านบาท (งวดปีก่อนรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุน 5 ล้านบาท)

.

แต่หากเทียบกำไรไตรมาส 1/66 กับไตรมาส 4/65 คาดลดลง 43% ตามเหตุปัจจัยฤดูกาล คงแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท

.

SPALI นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดไตรมาส 1/66 กำไรต่ำสุดของปีอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 53% จากไตรมาสก่อนหน้า เหตุจากมาร์จิ้นขายอ่อนตัว เนื่องจากการโอนฯ ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มแนวราบที่มีมาร์จิ้นน้อยกว่าคอนโดมิเนียม (ไตรมาส 1/66 สัดส่วนแนวราบ 70% ส่วนไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 56% และไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 60% งวด)

.

โดยคาดว่าไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และต่อเนื่องไปถึงครึ่งหลังของปี หนุนจากแผนเปิดแนวราบใหม่จำนวนมาก และโอนฯ 2 คอนโดมิเนียมใหม่ช่วงไตรมาส 2/66 และ 3/66 ทั้งนี้ ราคาหุ้นขาดปัจจัยขับเคลื่อนระยะสั้น จึงแนะนำ NUETRAL ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท

.

ORI นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดพรีเซลไตรมาส 1/66 เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมาจากแนวราบ 21% หรือ 2.52 พันล้านบาท และที่เหลือ 79% มาจากคอนโดมิเนียมราว 9.48 พันล้านบาท

.

โดยไตรมาส 1/66 เปิดรวม 7 โครงการ มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้คาดว่ากำไรปกติจะเติบโตดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 13.15 บาท

.

NOBLE นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางครึ่งแรกของปี 2566 ไม่ได้โดดเด่น เนื่องจากไม่มีการส่งมอบคอนโดมิเนียมใหม่ และการประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2565 หุ้นละ 0.2 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.6% ไม่ได้จูงใจมาก และเป็นระดับใกล้เคียงกับบริษัทอื่นในกลุ่มอสังหาฯ

.

ประกอบกับราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 อยู่ที่ 4.24 บาท ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (อิง PER 8 เท่า) จึงปรับลดเป็น SWITCH ไปยัง AP ที่ราคาหุ้นมี upside และปันผลจูงใจมากกว่าในระดับเกิน 5% ต่อปีรวมถึงพอร์ตสินค้าที่มีความสมดุลของทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมทำให้การทำกำไรมีเสถียภาพมากกว่า

.

QH นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 น่าจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำ ในขณะเดียวกันจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะแบ็กล็อกทยอยโอนไปมาก ในขณะที่การขายใหม่ยังเห็นสัญญาณชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/65 ที่ผ่านมา

.

สำหรับปี 2566 คงกำไรสุทธิที่ 2.73 พันล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน โดยการเติบโตหลักยังมาจากส่วนแบ่งกำไรฯ ส่วนของ residential business ที่คาดโตเล็กน้อยจากกลุ่ม low-rise โดยรวมยังไม่เห็น story ที่ต่างไปจากเดิม ซึ่งยัง conservative กว่ากลุ่มอสังหาฯ มาก จึงคงคำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท

.

และสุดท้าย LPN นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรไตรมาส 1/66 จะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ถูกกดดันจากยอดขายเคลียร์สต็อก แต่กำไรจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/65

.

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาส 1/66 จะอยู่ในกรอบ 21-22% เทียบกับ22.0% ในไตรมาส 1/65 และไตรมาส 4/65 โดยโครงการลุมพินีทาวน์ชิป รังสิต-คลอง1 (มูลค่าโครงการ1.2 พันล้านบาทจองแล้ว 10%) เริ่มโอนไตรมาส 1/66 ด้านรายได้ค่าเช่าและบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า

.

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีกำหนดการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท

 

 


STAND UP