เรื่องเล่าจากหญิงแม้น

เมื่อคืนดูบอลจบเข้านอนตอนประมานตีสองกว่ากับความรู้สึกครุ่นคิดในสมองที่มีต่อเกมส์การแข่ง มองในแง่ดี :

 

ทีมชาติไทยพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง สามารถต่อกรกับทีมชั้นนำจากตะวันออกกลางได้อย่างสูสี ไม่เป็นรองหรือผูกปีแพ้เหมือนในอดีต เราวางแผนการเล่นโดยปิดจุดอ่อนและเพิ่มจุดแข็ง รวมทั้งใช้ยุทธวิธีการเล่นตามรูปร่างของเรา และเห็นได้ชัดเจนว่ามันได้ผล

 

นั่น! ทำให้ทีมซาอุต้องออกแรงหนักมากทั้งในและนอกสนาม อย่างต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อผลการแข่งขันที่ต้องการด้วยซ้ำ

 

ลูกที่ธีรศิลป์ถูกผู้รักษาประตูทำฟาล์ว จังหวะนั้นเป็นจุดโทษชัดเจน พร้อมกับกรรมการต้องให้ใบแดงแก่ผู้รักษาประตูซาอุด้วย เพราะเป็นโปรเฟสชั่นนอลฟาล์ว ถ้ากรรมการชาวจีนเป่าไปตามเกมส์อย่างมืออาชีพ เกมส์เปลี่ยนตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว ทีมไทยที่ตัวผู้เล่นมากกว่า คงเอาชนะได้ไม่ยาก

 

ส่วนลูกโทษที่เป่าให้ซาอุนั่นเหลวไหลสิ้นดี สงสารสารัช อยู่เย็น ที่เล่นดีมากมาทั้งเกมส์ต้องกลายเป็นแพะนกหวีดให้กรรมการชาวจีนไป

 

แมทช์หน้าหรือแมทช์ใดๆต่อไปนี้ ทีมไทยจะไม่ใช่หมูให้ทีมใดๆในเอเชียอีกแล้ว เชื่อขนมกินได้เลย!อิอิ

 

มองในแง่ร้าย:

 

ระยะหลังมานี้ สังเกตได้ว่า นักกีฬาไทยถูกโกงชัดๆมาแล้วหลายรายการ ทั้งวอลเลย์บอลกับญี่ปุ่น ฉัตรชัย บุตรดี(นักมวยโอลิมปิก) และฟุตบอลทีมชาติไทยแมทช์นี้ ฮาๆก็ว่าก็วิเคราะห์กันไปตามความรู้สึกขำๆไม่ซีเรียส กีฬาก็คือกีฬา

 

                                            ภาพประกอบเสิร์ชจากgoogle

 

 

ตั้งนาฬิกาให้ปลุกตอนตีห้าครึ่งตื่นล้างหน้าล้างตาแต่งตัวพากล้องถ่ายรูปกับจักรยานคู่ใจปั่นออกไปนอกเมืองช่วงนี้เช้าๆหมอกลงสวยงามดีแท้ แค่ปั่นจักรยานออกมานอกตัวเมืองระยะทางแค่สิบกว่ากิโลก็สามารถสัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์ที่สามารถรับรู้ได้ ซึ่งหาไม่ได้ในผ้าห่ม ระยะทางไปกลับวันนี้ก็ประมานสามสิบกว่ากิโล

 

 

 

กลับมาถึงบ้านนั่งพักก็เปิดอินเตอร์เน็ตอ่านข่าวหาข้อมูลเรื่องหุ้นเรื่องการลงทุนข่าวกอสซิปไปเรื่อย วันนี้เด็กแนวเชียร์ ECL กับ HPT ก็ดูๆไปจะเล่นไม่เล่นก็ค่อยคิดกันอีกที ผิดพลาดขึ้นมาเราจะไปโทษใครไม่ได้ บางทีอยากหาค่ากับข้าวกลับกลายเป็นต้องจ่ายค่าผ่อนรถแทน ฮึๆ

 

 

ช่วงเช้าวันนี้ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,523.31 จุด ลดลง -16.40 จุด หรือ -1.07 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่าซื้อขาย 38,293.22 ล้านบาท

10หุ้นกดดัชนีเช้านี้

ที่มา ASPEN

 

ความรัก เหมือนการเล่นหุ้นอย่างนึง

 

ซื้อ "หุ้นปั่น" ในช่วงข่าวดี ทำให้เราซื้อหุ้น "แพง" กว่ามูลค่าของมัน (price over value)

หุ้นที่มีข่าวว่ากำลังจะขึ้น จะขึ้นไปอีกเท่านั้นเท่านี้

พอซื้อไปแล้ว หุ้นลงจ้า

ลงหนักมาก

เป็นเพราะเราไม่เข้าใจพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น

อาจจะซื้อเพราะมีคนบอกว่าดี ซื้อตามๆกันมา

ซื้อเพราะ "เชื่อไปว่า" ข่าวดีนั้น จะเป็นจริง

 

ทางแก้ก็คือ "cut loss" เท่านั้น

เราต้องมองให้เห็นก่อนว่า ที่จริงมันเป็นหุ้นปั่น

มองให้เห็นถูกตามความเป็นจริง

 

ครั้งต่อไป ก็ต้องค่อยๆดูพื้นฐานของหุ้นให้ดี

ใจเย็นๆ

ศึกษาให้ละเอียดก่อน แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ

 

แล้วความรักจะไม่ติดดอย

 

หญิงแม้น