ห้องเม่าปีกเหล็ก

Prepare for take off AAV เตรียมกางปีกบินอีกครั้ง

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
62 views

Prepare for take off AAV เตรียมกางปีกบินอีกครั้ง

ธุรกิจสายการบินเป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญที่ได้ผลบวกจากการที่บริษัท Pfizer และ BioNTech สองบริษัทยายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกาและเยอรมนีแถลงความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด 19 ที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันพัฒนา และทดสอบในเฟสที่ 3 โดยพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ที่จะสามารถป้องกันการระบาดไวรัสโควิด19 ได้ ซึ่งเมื่อมียาป้องกันการระบาดของไวรัสแล้วจะทำให้หลายๆประเทศคลายมาตรการปลดล็อกการเดินทางระหว่างประเทศ โดยจะช่วยเพิ่มให้ยอดการเดินทางการขนส่งสินค้ากลับเข้าสู่สภาวะปกติ เรียกง่ายๆว่าสายการบินหลายๆแห่งเตรียมเครื่อง take off กันแล้ว โดยเฉพาะบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ที่ผลประกอบการเริ่มจะผงกหัวขึ้นได้บ้างแล้วหลังจากที่ล่าสุดประกาศผลประกอบการไตรมาส3/63 มีผลขาดทุนน้อยกว่าที่หลายฝ่ายประเมินเอาไว้


ทั้งนี้ AAV รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส3/63 มีผลขาดทุนสุทธิ 1,836 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุน 416 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหากดูในลึกลงไปกว่านี้จะพบว่า AAV มีผลขาดทุนสุทธิน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะขาดทุนกว่า 2,000ล้านบาท ขณะเดียวกันหากไม่รวมผลของการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจะทำให้มีกำไรปกติขาดทุนเพียง 1,300 ล้านบาท


สอดคล้องกับราคาหุ้น AAV ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรงตามกระแสโลก โดยราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 1.87 บาท เพิ่มขึ้น 17.61% หรือเพิ่มขึ้น 0.28 บาท เพราะ AAV เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของไวรัสโควิดอย่างชัดเจน จนถึงขั้นต้องหยุดเที่ยวการเดินทางไปต่างประเทศทุกเที่ยวบิน รวมถึงสายการบินในประเทศที่ยอดการเดินทางของนักท่องเที่ยวไม่เอื้อให้ผลประกอบการสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเองเมื่อมีข่าวว่าสามารถผลิตวัคซีนได้นั้นจึงเหมือนเป็นกุญแจปลดล็อคโซ่ตรวนขนาดใหญ่ของกลุ่มธุรกิจสายการบินที่จะสามารถกลับมาให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบทุกเส้นทาง


โดยทาง AAV ระบุว่า ไตรมาส 3 /63 ไทยแอร์เอเชีย ทำการบินในทุกจุดหมายปลายในประเทศ อีกทั้งปรับเพิ่มปริมาณที่นั่งและความถี่ให้เป็นไปตามอุปสงค์ในประเทศ ดังนั้นจึงทำให้ในเดือน ก.ย.63 สามารถกลับมาให้บริการเส้นทางในประเทศคิดเป็น 96% ของปริมาณที่นั่งก่อนการแพร่ระบาด เมื่อเทียบกับ 59% ในเดือน ก.ค.63 ส่งผลให้มีจานวนผู้โดยสารรวม1.86 ล้านคน โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 65%


ทั้งนี้รายได้จากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย.63 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 76.8% และ 59.5% ตามลำดับ และจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเที่ยวไทยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 77.3% และ 54.7% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี จากการที่ภาครัฐกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศผ่าน “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนและช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ฟื้นตัวดีขึ้น


ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด  ได้ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 2.50 บาท โดยสมมติฐานปี 64 EV/EBITDA อยู่ที่ 6.5 เท่า จากเดิมที่ 2.00 บาท อยู่ที่ 6 เท่าโดยฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับ EV/EBITDA ขึ้น จากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น จากกความคืบหน้าวัคซีนต้าน COVID-19 ที่ใกล้ประสบความสำเร็จ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและ outperform ตลาดหุ้นกว่า 2% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากคลาย lock down และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ สาเหตุที่ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ขณะทียังได้ข่าวบวกจากวัคซีนต้าน COVID-19 ที่มีความคืบหน้ามากขึ้นใกล้ประสบความสำเร็จ จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวกับมาฟื้นตัว และส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารจะเริ่มกลับมาเติบโตชัดเจน รวมถึงอาจช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานอาจกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาดได้

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Sunnyday