ห้องเม่าปีกเหล็ก

PTTGC ส่งสัญญาณธุรปิโตรเคมีฟื้นตัว

โดย น้ำพริกปลาทู
เผยแพร่ :
269 views

PTTGC คาดปี 66 ยอดขายโต 15%

ส่งสัญญาณธุรปิโตรเคมีฟื้นตัว

ลุยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ช่วยดันมาร์จิ้น

 

.

PTTGC คาดยอดขายปีนี้โต 15%และ EBITDA โต 4% ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังรับรู้รายได้จาก Allnex เต็มปี พร้อมเตรียมสรุปแผนลงทุนพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงในสหรัฐฯภายในปีนี้ ทั้งนี้วางงบลงทุนปี 66 ราว 1 หมื่นลบ. รองรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง

.

โดย ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า คาดยอดขายปี 2566 จะเติบโตจากปีก่อน 15% และ EBITDA เติบโตอยู่ที่ระดับ 4% ตามกำลังการผลิตรวมที่เพิ่มขึ้นและการรับรายได้จากกิจการ Allnex Holding GmbH (Allnex)ได้เต็มปี

.

สำหรับโครงการที่พร้อมดำเนินงานเชิงพาณิชย์จะประกอบไปด้วย โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project) ที่เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/66 และโครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/66

.

ด้านภาพรวมของความต้องการใช้ปิโตรเคมี เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากการกลับมาประเทศอีกครั้งของจีน รวมถึงในอุตสาหกรรมปลายทางในตลาดโลก อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ และก่อสร้าง มีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจาก 2 ปัจจัยข้างต้นจะช่วยส่งผลให้สเปรดของราคาปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นตาม

.

ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ไว้วางลงทุนไว้ราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นเงินในการรองรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างได้แก่โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ,โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง และโครงการก่อสร้างโรงงานไบโอพลาสติก PLA แห่งที่ 2 รวมไปถึงการขยายและปรับปรุงการผลิตของโรงงานเดิม

.

อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงมีกลยุทธ์ในการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งงบลงทุนที่จะนำรองรับการลงทุนดังกล่าวไม่ได้ถูกรวมอยู่ในแหล่งเงินทุนข้างต้น แต่หากเป็นธุรกิจที่มีความสนใจบริษัทก็พร้อมที่จะพิจารณาการลงทุนได้ในทันที

.

โดยปัจจุบันบริษัทมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนหรือขยายกิจการไปยังประเทศสหรัฐฯในธุรกิจพลาสติกคุณภาพสูงซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ส่วนรูปแบบการลงทุนมีความเป็นไปได้ทั้งการเข้าซื้อกิจการและการลงทุนก่อสร้างโรงงานเองโดยอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างราว 1-2 ปี

.

ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ EBITDA ให้เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4%ต่อปีไปจนถึงปี 2573 โดยการจะรักษาการเติบโตจะมาจากการเพิ่มสัดส่วนยอดขายของผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง (HVP) จากปัจจุบันอยู่ที่ 36% ซึ่งได้วางเป้าหมายภายในปี 2573 จะขึ้นเป็นสัดส่วนหลักหรือราว 56% ของยอดขายรวม โดยสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง

.

อนึ่ง บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจควบคู่ไปแผนลดการปลดปล่อยคาร์บอน โดยมีแผนการดำเนินงานโรดแมพเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดการปลดปล่อยคาร์บอนในปี 2573 ประกอบไปด้วย Efficiency-driven ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหลากหลายโครงการ

.

ขณะเดียวกัน Portfolio-driven เดินหน้าปรับสัดส่วนธุรกิจมุ่งสู่ธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม High Value Business (HVB) และธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้าง Synergy (Leverage Synergy) ให้เกิดมูลค่าสูงสุดจากธุรกิจ ตลาด และเทคโนโลยี

.

และสุดท้าย Compensation-driven ดำเนินโครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างสมดุลของระบบนิเวศของป่าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคมรวมถึงชุมชนต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 บนพื้นที่รวมกว่า 2,500 ไร่ อาทิ โครงการปลูกป่านิเวศระยองวนารมย์ ตามหลักการ Eco Forest และสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) ในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ

 

 


น้ำพริกปลาทู