`ภากร` ชี้ฟันด์โฟลว์ไหลออกจาก SET น้อยกว่าที่อื่น แนะใช้วิกฤตเป็นโอกาส

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภายในงาน "สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมิ.ย.65" ว่า ยังมั่นใจกระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องในประเทศยังมีอยู่ในระดับสูง และความสามารถทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) กำลังดีขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้โอกาสที่
ฟันด์โฟลว์ไหลออกจะน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งสะท้อนได้จากตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD)เงินทุนต่างชาติยังเป็นบวกอยู่ราว 109,067 แสนล้านบาท
.
ทั้งนี้มองว่าปัจจุบันยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนเข้ามากดดันภาวะตลาดทุนอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่
1.ธนาคารกลางทั่วโลกต่างลดการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบ ซึ่งทำให้สภาพคล่องโลกจะลดลง
.
2. ความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมันและอาหารสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อย่างมาก
.
3.ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่จบ ซึ่งหากดูจาก 3 เรื่องนี้สิ่งที่กระทบต่อตลาดทุนไทยเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆจะค่อนข้างน้อย
.
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น มองว่าทุกครั้งที่เป็นวิกฤตจะมีโอกาสในช่วงที่ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลง ซึ่งต้องดูว่าความสามารถในการลงทุนของเรามีอะไรบ้างและการบริหารความเสี่ยงของเป็นอย่างไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่
.
1.ต้องดูข้อมูลให้ดี ซึ่งหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงอาจต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุนของเรา เช่น การขายจากสินทรัพย์หนึ่งไปลงทุนอีกสินทรัพย์หนึ่งแทน เป็นต้น
.
2.การจัดพอร์ตลงทุนต้องมีความชัดเจนว่าจะลงทุนในระยะเวลาแค่ไหนและคาดหวังผลตอบแทนอย่างไร รวมถึงสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
.
3.ในแต่ละสินทรัพย์จะเลือกลงทุนอย่างไรบ้าง ซึ่งควรเลือกตามที่เราชอบผลตอบแทนแบบไหน และบริหารความเสี่ยงได้ขนาดไหน
.
อย่างไรก็ตามทั้งหมดอาจปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินหรือศึกษาด้วยตนเองก็ได้ และอย่าลืมติดตามข่าวสารต่างๆมีผลกระทบอย่างไรบ้างต่อการลงทุนของท่าน เพราะหากมีผลกระทบอะไรที่รุนแรงหรือเปลี่ยนแปลงมากๆก็อย่าลืมปรับพอร์ต
.
นอกจากนี้ยังคาดว่าปัจจับลบต่างๆจะไม่กระทบต่อภาวะการระดมทุนในตลาดหุ้นมากนัก เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแม้เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจไม่ดี แต่การระดมทุนก็ไม่ได้ถูกผลกระทบหรือกระทบน้อยมาก
.
พร้อมคาดว่าทั้งจำนวนและมูลค่าการระมทุนในปีนี้จะไม่ได้แตกต่างจากช่วงปีก่อน เพราะปัจจุบันยังมีบริษัทที่อยู่ใน pipeline จำนวนมาก ซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก
.
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนหันมาถือเงินสดมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนในหลายเรื่องทั้งเรื่องภาวะดอกเบี้ย,ราคาน้ำมัน,ทิศทางเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อ เป็นต้น
.
พร้อมเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่ปัจจัยต่างๆมีความชัดเจนวอลุ่มฯก็น่าจะกลับเข้ามา เพราะ Valuation ของหุ้นไทยตอนนี้ถือว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย รวมถึงยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้จะยังไม่เกิดภาวะตลาดหมี เนื่องจากยังมีแรงผลักดันจากกลุ่มการท่องเที่ยวและส่งออกที่ยังไปได้อยู่
.
ส่วนด้านภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยสิ้นเดือนมิ.ย.65 ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปิดที่ 1,568.33 จุด ปรับลดลง 5.7% จากเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 64 SET Index ปรับลดลงเพียง 5.4% ซึ่งลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 71,693 ล้านบาท ลดลง 26.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
***********************************
