ASIAN ตั้งแต่ต้นปี ทรุดกว่า 41%
โบรกฯ เสียงแตก แนะทั้ง “ซื้อ” และ “ถือ”
ส่วนแผนร่วมทุนลุยธุรกิจใหม่เป็นโอกาสที่ดี

.
บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีความเคลื่อนไหวหรือการขยายธุรกิจที่แตกต่างไปจากเดิม ด้วยการจับมือกับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งทำให้เป็นที่พูดถึงของวงสนทนานักลงทุนอีกครั้ง
.
แต่อย่างไรก็ดี ทาง Wealthy Thai ก็ได้ทำการสำรวจข้อมูลและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ASIAN ตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2566) กับพบว่า ได้มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 41.24% โดยลงมาอยู่ที่ระดับราคา 8.05 บาท
.
แน่นอนว่าด้วยกระแสข่าวกับราคาหุ้นที่สวนทางกัน ย่อมเกิดเป็นคำถามจากกลุ่มนักลงทุนขึ้นว่า หรือจะเป็นโอกาสสำคัญที่ให้เข้าลงทุนในหุ้นดังกล่าว หรือควรที่จะรอจังหวะการลงทุน ในวันนี้ทางเราก็จะหยิบยกมุมมองการลงทุนและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันกันในครั้งนี้
.
โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมายที่ 12 บาท เนื่องจากเป็นจุดที่น่าสะสมจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก จากผลประกอบการที่ชะลอตัวในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นแนวโน้มยอดขายในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดี
.
สำหรับยอดขายกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์น้ำเริ่มมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น โดยระยะสั้นในไตรมาส 2/66 กำไรยังติดลบจากปีก่อนหน้าจากฐานที่สูง แต่จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงที่เริ่มฟื้นตัวตามออเดอร์ที่เริ่มกลับมาจากคู่ค้าที่สต็อกค่อยๆถูกขายออกไป
.
อย่างไรก็ตาม ด้านผลกระทบเรื่องการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท เบื้องต้นคาดจะเน้นการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ กับเพิ่มยอดขายก่อน นอกจากนี้ยังสามารถผลักภาระให้ลูกค้าได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจจะมี lag time 3-6 เดือน หากเป็นกรณีเลวร้ายอาจเป็นการย้ายฐานผลิตไปต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเห็นโอกาสในประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่น่าสนใจทั้งด้านค่าแรงและโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
.
ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ถือ” กำหนดราคาพื้นฐานที่ 10.20 บาท เนื่องด้วยแนวโน้มธุรกิจหลักของบริษัททั้งอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหาร VAP ชะลอตัวแรง ซึ่งกำไรในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี หรือ 12 ไตรมาส โดยยังคงต้องติดตามการกลับมาของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
.
ส่วนการร่วมทุนเข้าสู่ธุรกิจใหม่เป็นโอกาสที่ดี ที่ได้ร่วมทุนกับผู้ที่มีความชำนาญ แต่คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และในระยะสั้นอาจจะมีค่าใช้จ่ายเข้ามาก่อน โดยรวมระยะสั้นธุรกิจหลักยังเป็นการติดตามเฝ้าระวัง จากยอดคำสั่งซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงและอาหาร VAP ที่หายไป ซึ่งต้องติดตามในไตรมาส 3/66 ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/66 คาดว่ายังไม่ฟื้นตัวเร็ว