ห้องเม่าปีกเหล็ก

ครึ่งปีหลัง “TOP3 หุ้นค้าปลีก” ยังเหนื่อย

โดย Durant
เผยแพร่ :
65 views

ครึ่งปีหลัง “TOP3 หุ้นค้าปลีก” ยังเหนื่อย รอกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้น-นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา

ช่วงล็อคดาวน์ที่ผ่านมา มี 3 หุ้นใหญ่ในกลุ่มค้าปลีก ประกอบด้วย CPALL ,MAKRO และ BJC ที่ได้รับอานิสงส์จากการตุนสินค้าของผู้บริโภคในช่วงกักตัวมากที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 ในปัจจุบันจะไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็จริง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ กำลังซื้อผู้บริโภค และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยดูไม่คึกคัก ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมการผ่อนชำระหนี้สินเชื่อที่ใกล้จะสิ้นสุดลงในไตรมาส 3/63 แล้วถ้ายังอยู่ในภาวะเช่นนี้ หุ้นค้าปลีกในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไรบ้าง? มาไล่ดูทีละตัวกันเลย

 

เริ่มจาก CPALL เป็นหุ้นที่ FTSE ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในรอบล่าสุด ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 มี Big Lot จำนวน 34 ล้านหุ้น มูลค่า 2,108 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 62 บาทต่อหุ้น  รองลงมาก็เป็นหุ้นกลุ่มค้าปลีก นั่นคือ BJC มี Big Lot จำนวน 25 ล้านหุ้น มูลค่า 943.75 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 37.75 บาทต่อหุ้น

 

กำไร CPALL น่าจะลดลงต่อในไตรมาส 3/63

 

โดยนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) รายงานว่า CPALL รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 ที่ 2,900 ล้านบาท ลดลง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) และ 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยกำไรสุทธิดังกล่าวต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ 3,160 ล้านบาท อยู่ 9% และกำไรหลักที่ 2,900 ล้านบาท ลดลง 39%YoY และ 48%QoQ ซึ่งไม่มีรายการพิเศษที่มีนัยสำคัญ

 

ในไตรมาส 3/63 นักวิเคราะห์ประเมินว่า กำไรน่าจะลดลง YoY แต่จะกลับมาขยายตัว QoQ โดยยอดขายจากสาขาเดิมในเดือน ก.ค. 63 ยังติดลบ YoY แต่ไม่หนักเท่ากับไตรมาส 2/63 อย่างไรก็ตามคาดบริษัทยังคงบริหารจัดการ-ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง จากความกดดันของอัตรากำไรขั้นต้นและดอกเบี้ยจ่ายในครึ่งปีหลัง

 

ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงมองว่า ราคาหุ้น CPALL มีโอกาสรีบาวด์ ทดสอบที่ราคา 70 บาทเนื่องจาก 1.กำไรที่อ่อนตัวในไตรมาส 2/63 ได้สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว 2.การกลับตัวของกำไร QoQ ในไตรมาส 3/63 และ 3.การเบาลงของข่าวลือเรื่องเพิ่มทุน เนื่องจากบริษัทยืนยันไม่ผิดเงื่อนไขทางการเงินแม้กรณีซื้อ 40% ใน Tesco (ไทยและมาเลเซีย)

BJC รอความหวังนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาครึ่งปีหลัง

 

ต่อมาหุ้น BJC นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองว่า ในไตรมาส 3/63 กำไรของ BJC ทยอยฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจน QoQ แต่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว YoY ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมของบิ๊กซี ในเดือนก.ค. ยังลดลงกว่า 10% YoY อีกทั้งในส่วนของพื้นที่เช่า occupancy rate เริ่มกลับมาสูงใกล้ระดับปกติแล้ว แต่ยังมีส่วนลดค่าเช่ากับร้านค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งในส่วนของพื้นที่เช่าโรงภาพยนตร์ ซึ่งได้รับส่วนแบ่งรายได้ ยังมีผู้ชมไม่มากนัก เพราะหนังฟอร์มยักษ์ยังไม่เข้าฉาย

 

ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี นักวิเคราะห์ประเมินว่ายอดขายสาขาเดิมยังมีแนวโน้มลดลง YoY เนื่องจากสาขาแหล่งนักท่องเที่ยงต่างชาติยังได้รับผลกระทบหนัก อาทิ บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต ราชดำริ, พัทยา, ภูเก็ต และเชียงใหม่ จึงคาดว่ากำไรงวดไตรมาส 4/63 ยังลดลง YoY

 

และการที่กำไรงวดครึ่งปีแรกที่ 1,585 ล้านบาท ลดลง 47.7% YoY จากผลกระทบดังกล่าวข้างต้น และคิดเป็น 28% ของประมาณการปี 2563 เป็นผลให้นักวิเคราะห์ต้องปรับลดประมาณการกำไรปี 63 และ 64 ลง 26% และ 12% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปี นี้ จะลดลง 42.5% และจะฟื้นตัวกลับขึ้นมา 55.6% จากการประหยัดรายจ่ายพนักงานราว 1,000 ล้านบาทต่อปี และสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายชัดเจนขึ้น จึงแนะนำซื้อเก็งกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 42 บาทต่อหุ้น 

 

ยอดขายจากสาขาเดิมหุ้น MAKRO โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

 

และสุดท้ายหุ้น MAKRO นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าหุ้น MAKRO ผลประกอบการไตรมาส 2/63 ดีเกินคาด ส่วนในครึ่งปีหลังประเมินว่า ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 2/63 แต่การจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนที่ลดลงจากการว่างงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น อาจทำให้กำไร YoY ลดลง ทางนักวิเคราะห์จึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64 ลง 6% เพื่อสะท้อนถึงยอดขายจากสาขาเดิมในปีนี้ที่ปีลดลงจากเดิม 1.5% เหลือ 0.5% และอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563-64 ที่ลดลงจากเดิม 0.2ppts  ดังนั้นจึงคาดวาผลประกอบการของ MAKRO จะทรงตัว YoY ในปี 2563 ทั้งนี้คาดว่ายอดขายสาขาเดิมยังคงเป็นบวก และดีกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant