TIP ปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งส์ เพิ่มความคล่องตัวลงทุน มั่นใจกำไร-ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นดีขึ้น
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือที่นักลงทุนรู้จักในชื่อหุ้น TIP ปัจจุบัน TIP มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท สูงเป็นอันดับ 5 จาก 17 บริษัทในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดย TIP ก็เหมือนบริษัทอื่นๆ ที่ต้องพัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ในการทำธุรกิจ ทำให้ TIP ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งได้มีการศึกษามาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี จะเป็นอย่างไรนั้น ทีมงาน Wealthy Thai นำข้อมูลมาฝากนักลงทุนกันแล้ว
“ปัจจุบันอุตสาหกรรมประกันภัยโดยรวม มีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างกำไรจากการรับประกันภัยได้ลดลงจากการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทประกันภัยต่างๆ จึงต้องหันมาสร้างกำไรจากการลงทุนแทนเพื่อรักษาผลประกอบการรวม เป็นเหตุผลให้ TIP จึงได้มีการศึกษาเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัท ไปเป็นรูปแบบบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ภายใต้ชื่อ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) หรือ TIPH ทุนจดทะเบียน 10,000 บาท” นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP ระบุถึงที่มาที่ไปของการปรับตัวในครั้งนี้
สำหรับการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ และลดข้อจำกัดด้านการลงทุน ซึ่ง TIPH จะมีการลงทุนทั้งในรูปแบบการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Stategic Allance) การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joit Venture) หรือการควบรวมและการซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) รวมทั้งเพื่อจำกัดขอบเขตและบริหารความสี่ยงทางธุรกิจอย่างชัดเจน ทั้งธุรกิจประกัยภัยและธุรกิจอื่น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของโครงสร้างการจัดการขององค์กรให้เหมาะสมกับการประการประกอบธุรกิจของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
ความคืบหน้าการดำเนินการ นายสมพรกล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทเห็นชอบแล้ว และจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 ก.ย. นี้ โดยจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจํานวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ซึ่งบริษัทโฮลดิ้ง จะเพิ่มทุนเป็น 600 ล้านบาทโดยยังไม่ชำระ และทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของทิพยประกันภัยเพื่อแลกกับหลักทรัพย์แบบ 1 ต่อ 1 คาดใช้กระบวนการใช้เวลาภายใน 135 วัน ทั้งนี้คาดใช้เวลา 45 วัน ในการแลกหุ้น เมื่อเสร็จสิ้นบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แทน คาดกระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ หรือไม่เกินไตรมาสแรกปี 2564
“ผู้ถือหุ้นรายเดิมใน TIP จะขึ้นไปอยู่ที่ TIPH โดย TIPH จะถือหุ้น 100% ใน TIP และ TIPH จะดูแลเรื่องการลงทุนทั้งหมด ซึ่งรายได้ของ TIPH จะมาจากรายได้ของบริษัทลูกต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยโครงสร้างหลักจะยังเน้นการลงทุนในธุรกิจประกันภัน 75% ได้แก่ ธุรกิจประกันวินาศภัย ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัยต่างประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประกันภัน ส่วนอีก 25% จะลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจเฮลท์เทค ธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นต้น ต้องการสร้างอีโคซิสเต็มให้กับธูรกิจเหมือนบริษัทผิงอัน ธุรกิจประกันภัยยักษ์ใหญ่ของจีน สำหรับการลงทุนด้วยโฮลดิ้งมีความยืดหยุ่นกว่าการลงทุนโดยบริษัทประกันวินาศภัยที่ลงทุนได้เพียง 10% ในบริษัทนั้น จึงทำให้มีสิทธิเข้าไปบริหารบริษัทลูกต่างๆ ได้ และนำมาใช้ประโยชน์กับธุรกิจหลักได้ ซึ่งบริษัทโฮลดิ้งมีโอกาสสร้างผลกำไรและผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่มากขึ้นในอนาคต จากการลงทุนที่มีความหลากหลาย ทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย หากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่ดี ยังมีขาธุรกิจอื่นๆ ที่พยุงไว้” นายสมพรกล่าว
สำหรับโครงสร้างของ TIPH นายสมพร จะนั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TIPH รวมทั้งการดูแลธุรกิจประกันภัย ส่วนอื่นๆ จะมีการสรรหาผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมดำเนินการ ทั้งนี้สัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TIP ปัจจุบันนตามลำดับ ได้แก่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถือหุ้น 13.33% ธนาคารออมสิน 11.20% ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB 10% บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) 9.99% และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 7.37% เป็นต้น สัดส่วผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float ) กว่า 54%
“แม้ว่าเราจะเป็นโฮลดิ้งคอมปานี คล้ายกับ อยุธยาฯ (บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AYUD) หรือ อาคะเนย์ (บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEG) ที่ทำมาก่อนหน้านี้ แต่เขาเริ่มต้นจากการที่มีธุรกิจอื่นๆอยู่เยอะในเครืออย่างอยุธยามีเรื่องแบงกิ้ง ลีสซิ่งและประกันภัย ซึ่งประกันภัยเป็นแค่หนึ่งแขนงในโฮลดิ้งส์ ของอาคะเนย์ก็เช่นกัน เขามีหลากหลายธุรกิจในเครือและประกันภัยเป็นอีกหนึ่งแขนงในโฮลดิ้งส์เท่านั้น แต่ทิพยไม่ใช่ โฮลดิ้งส์ของเราคือธุรกิจประกันภัย เราจะมีธุรกิจประกันภัยอยู่ภายใต้โฮลดิ้งส์ ซึ่งทำให้เรามีความแข็งแกร่งอย่างมากในแง่ของธุรกิจประกันภัย เพราะเราเป็นโฮลดิ้งส์ธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะ” นายสมพรกล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก