ห้องเม่าปีกเหล็ก

ย้อนรอย 3 หุ้นใหญ่แตกพาร์ ร่วงหรือรอด

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
71 views

ย้อนรอย 3 หุ้นใหญ่แตกพาร์ ร่วงหรือรอดหลังเทรด 1 เดือน

เมื่อราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว ทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยมีโอกาสปรับลดลง เพราะในแต่ละครั้งที่จะเข้าซื้อหุ้นต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ดังนั้นการประกาศ “แตกพาร์” จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของบริษัทจดทะเบียน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นตนเอง โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ รวมทั้งมูลค่าตลาดรวมของบริษัท (Market Capitalization) และส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity)


การประกาศแตกพาร์นั้น อย่างน้อยก็ส่งผลบวกด้านจิตวิทยาต่อราคาหุ้น แม้พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยล่าสุดอย่างที่เราทราบกันดี GULF ประกาศแตกพาร์จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 5 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท และหากย้อนเวลากลับไปในช่วงก่อนหน้า ก็ยังมี 2 หุ้นใหญ่ ที่ประกาศแตกพาร์เช่นดียวกัน คือ AOT และ PTT แต่วันเวลาผ่านไป ราคาหุ้นของทั้ง 3 หลักทรัพย์เป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ที่แน่ๆ ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างเฝ้ารออย่างมาก เพราะถือเป็นหุ้นที่โดดเด่นเด่น


เริ่มจาก AOT หนึ่งในหุ้นที่ครองใจนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งดำเนินธุรกิจธุรกิจบริหารจัดการท่าอากาศยานที่เป็นหนึ่งเดียวในไทย โดยหากพูดภาษาชาวบ้านก็คือ หนึ่งเดียวในหุ้นที่ผูกขาดธุรกิจสนามบิน

 

AOT ก่อนเทรดพาร์ใหม่พุ่ง 9%

 

AOT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2547 ด้วยราคาไอพีโอ 42 บาท มีราคาพาร์ที่ระดับ 10 บาท โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2559 คณะกรรมการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) ของบริษัทเป็นหุ้นละ 1 บาท จากเดิมหุ้นละ 10 บาท ซึ่งได้เทรดพาร์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.60 เป็นต้นมา


เราจะพานักลงทุนย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2560 ที่ถือเป็นปีที่ AOT เทรดพาร์ใหม่เป็นปีแรก และถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้รายย่อยเป็นเจ้าของสนามบินแห่งชาติ โดยหากนับตั้งแต่วันที่บอร์ดมีมติแตกพาร์คือ วันที่ 29 พ.ย.2559 จนถึงวันสุดท้ายก่อนวันที่จะมีผลแตกพาร์ คือวันที่ 8 ก.พ.60 มีระยะเวลารวม 48 วันทำการ ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 9.09% ก่อนจะมาปิดเทรดพาร์ใหม่วันแรกในวันที่ 9 ก.พ.2560 ที่ 40.25 บาท ลดลง 4.17% จากวันก่อนหน้า

 

หากเทียบระยะเวลา 1 เดือนหลังเทรดพาร์ใหม่ นับจากวันสุดท้ายของพาร์เดิม คือวันที่ 8 ก.พ.60  จนถึงวันที่ 8 มี.ค.60 ราคาหุ้นลดลง 5.34% โดยปิดการซื้อขายของวันที่ 8 มี.ค.60 ที่ราคา 39 บาท

 

เราลองเทียบราคาปิดการซื้อขายของวันเทรดพาร์ใหม่วันแรก คือวันที่ 9 ก.พ.60 ที่ 40.25 บาท จนถึงราคาปิดปัจจุบัน (17 เม.ย.2563) ที่ 58.50 บาท เท่ากับว่าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นระดับ 45.34% โดยทำจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2562 ที่ 81.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 37.25 บาท เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2560

 

PTT ปิดเทรดพาร์ใหม่วันแรกบวก 1.40%

 

ขณะที่ PTT โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2561 บอร์ดมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) เป็นหุ้นละ 1 บาท จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่หุ้นของบริษัท ซึ่งกำหนดเทรดพาร์ใหม่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2561 เป็นต้นมา

 

หากนับตั้งแต่วันที่ประกาศแตกพาร์ คือ 20 ก.พ.2561 จนถึงวันสุดท้ายก่อนวันที่จะมีผลแตกพาร์ คือวันที่ 23 เม.ย.2561 มีระยะเวลา 41 วันทำการ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 17.21% ก่อนจะมาปิดเทรดพาร์ใหม่วันแรกในวันที่ 24 เม.ย.2561 ที่ 58 บาท เพิ่มขึ้น 1.40% จากราคาปิดก่อนหน้า

 

ซึ่งถ้าเทียบระยะเวลา 1 เดือนหลังเทรดพาร์ใหม่ นับจากวันสุดท้ายของพาร์เดิมเป็นต้นไป คือวันที่ 23 เม.ย.2561 ถึง วันที่ 23 พ.ค. 2561 ราคาหุ้นลดลง 9.01% โดยปิดการซื้อขายของวันที่ 23 พ.ค.2561 ที่ระดับ 53.50 บาท

 

และเมื่อเทียบราคาปิดการซื้อขายของวันเทรดพาร์ใหม่วันแรก ในวันที่ 24 เม.ย.2561 ที่ 58 บาท จนถึงราคาปิดปัจจุบัน (17 เม.ย.2563) ที่ 34.25 บาท เท่ากับว่าราคาหุ้นลดลง 40.12% โดยทำจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2561 ที่ 59.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่  23.20 บาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2563

 

GULF พาร์ใหม่ตัวล่าสุด

 

ส่วน GULF หุ้นใหญ่ตัวล่าสุดที่ประกาศแตกพาร์ โดยเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา บอร์ดมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 5 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น GULF ให้แก่นักลงทุน โดยวันที่16 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา GULF ได้เริ่มเทรดด้วยพาร์ใหม่เป็นวันแรก

 

หากนับจากวันที่ประกาศแตกพาร์ คือ วันที่ 21 ก.พ. 2563 จนถึงวันสุดท้ายก่อนเทรดพาร์ใหม่ คือวันที่ 15 เม.ย.2563 มีระยะเวลารวม 38 วันทำการ ราคาหุ้นลดลง 2.24% ก่อนจะมาปิดเทรดพาร์ใหม่วันแรกในวันที่ 16 เม.ย.2563 ที่ระดับราคา 33.25 บาท ลดลง 4.73% จากวันปิดก่อนหน้า

 

เมื่อนับจากวันสุดท้ายของพาร์เดิมเป็นต้นไป คือวันที่ วันที่ 15 เม.ย.2563 จนถึงวันที่ 17 เม.ย.2563 ราคาปรับลดลง 2.14% โดยปิดการซื้อขายในวันดังกล่าวที่ 34.25 บาท

 

สรุปทั้ง 3 หุ้นดังกล่าว หากนับจากวันที่บอร์ดมีมติแตกพาร์จนถึงวันเทรดพาร์ใหม่ ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเพียง GULF ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงใน 2 วันแรกหลังแตกพาร์ อาจจะเป็นเพราะภาวะตลาดในช่วงนี้ที่ไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น GULF ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว

 

แต่จากการรวบรวมข้อมูลข้างต้น หลังจากการเทรดพาร์ใหม่ในรอบ 1 เดือน ราคาหุ้นของทั้ง 3 หลักทรัพย์นั้น ก็ได้ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน คือ AOT ลดลง 5.34% ส่วน PTT ลดลง 9.01% และ GULF ผ่านมา 2 วัน ราคาหุ้นลดลง 2.14% แต่ล่าสุด ราคา GULF กลับมาบวกได้  4.58% 

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมุลจาก


98 Degree