ห้องเม่าปีกเหล็ก

อย่ารับมีด KEX

โดย lich
เผยแพร่ :
67 views

หุ้น"เคอรี่ เอ็กซ์เพรสฯ(KEX)"ทรุดหนัก! หลังนักลงทุนสถาบันถล่มขาย ฉุดราคาดิ่ง 10% ปิดที่ 33.50 บาท ต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าตลาด โบรกฯคาดกังวลงบไตรมาส 3/64 อ่อนแอ มาร์จิ้นลดลง-การแข่งขันรุนแรง หลายแห่งเตรียมลดกำไร-ราคาเป้าหมาย ด้านผู้บริหารยังมั่นใจธุรกิจเดินตามแผน หวังงบไตรมาส 4/64 โตโดดเด่นรับไฮซีซั่น เตรียมผนึกพาร์ทเนอร์ใหม่บริการขนส่งสินค้าน้ำหนักมาก

 

*** KEX ร่วงแรงต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าเทรด รับมาร์จิ้นชะลอ-แข่งดุ

       นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า ราคาหุ้น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX วานนี้(2 พ.ย.)ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(ตลท.) โดยมองว่ามาจากแรงขายของนักลงทุนสถาบัน

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น KEX วานนี้ปรับตัวลดลงปิดตลาดที่ระดับ 33.50 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ 10.07% มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 824 ล้านบาท โดย ณ ราคาปิดดังกล่าว ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และลดลงมาใกล้ระดับราคาไอพีโอที่ 28 บาท

       นายวิจิตร คาดการณ์ว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น KEX ลดลงมาจากทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/64 ยังมีอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ลดลง จากการแข่งขันในธุรกิจอุตสาหกรรมขนส่งที่สูงกดดันค่าขนส่ง แม้ว่าทิศทางธุรกิจจะขยายตัวดีตอบรับการซื้อขายผ่านออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นก็ตาม

  ประกอบกับ มองว่า KEX ยังมีปัจจัยกดดันจากเรื่องต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยนี้ยังกดดันให้เกิดแรงขายออกมาแรง

       "ภาพรวมของธุรกิจขนส่งยังแข่งขันกันดุเดือด โดยเรามองว่าเรื่องการแข่งขันกันด้านราคากดดันมาร์จิ้นยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง หลังจากที่ขนส่งเริ่มร้อนแรงรับยุคโควิดในช่วง 1-2 ปีมานี้ โดยมองว่าตลาดขนส่งในไทยจะเริ่มซาและเป็นภาวะปกติได้ประมาณ 5 ปี ซึ่งตอนนั้นระดับราคาแข่งขันคงนิ่งกว่านี้"นายวิจิตร กล่าว

       สำหรับ KEX ระยะสั้น ประเมินแนวรับแรกที่ 32 และ 30 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านมองที่ 37 บาท แนะนำให้ชะลอลงทุนออกไปก่อนในช่วงนี้ รอการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ซึ่งคาดว่าราคาจะเริ่มตอบรับข่าวไปพอสมควรแล้วจึงค่อยเข้าซื้อเก็งกำไร

 ส่วนนักลงทุนที่มีต้นทุนสูงกว่าราคาในปัจจุบันแนะนำรีบาวน์ใกล้แนวต้านที่ 37 บาท ค่อยลดสถานะขายออก ทั้งนี้ สำหรับราคาพื้นฐานบริษัทมองไว้ที่ 45 บาท

 

*** หุ้นดิ่งแรง หวั่นผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 อ่อนแอ  

       นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แรงขายกดดันราคาหุ้น KEX ให้ปรับตัวลดลงแรงวานนี้(2 พ.ย.) มาจากการคาดการณ์กำไรในช่วงไตรมาส 3/64 ยังอ่อนแอกว่ารายได้  

       เพราะถึงแม้ว่าภาพรวมรายได้จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากแผนขยายธุรกิจขนส่ง เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ม แต่การแข่งขันราคารุนแรงกดดันมาร์จิ้นและกำไรลง อีกทั้งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามากดดันต้นทุนประกอบกัน

      สำหรับคำแนะนำ ให้นักลงทุนรอดูผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/64 ก่อน เพราะคาดว่า หลังจากนี้บทวิเคราะห์อาจปรับประมาณการณ์ผลการดำเนินงาน รวมถึงราคาเป้าหมายใหม่ จากเดิมที่คาดว่าราคาเป้าหมายที่ 55 บาท อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นคาดว่าราคาจะมีแนวรับประมาณ 32 บาท 

      "มองรายได้ Q3/64 คงโตได้ ตามการขยายธุรกิจขนส่ง แต่ในส่วนกำไรอาจไม่ดีเพราะมีเรื่องแข่งขันด้านราคาเข้ามา เราจึงแนะนำให้รอดูงบออกมาก่อน เพราะอาจจะปรับประมาณกำไร ราคาเป้าหมายใหม่อีกครั้ง" นายกิจพณ กล่าว

 

*** โบรกฯ ประสานเสียงงบ Q3/64 แย่

      บล.กรุงศรี คาดกำไรไตรมาส 3/64 ลดลง 10% qoq เป็น 302 ล้านบาท เนื่องจากการใช้กลยุทธ์ราคาอย่างดุดันเพื่อดึงส่วนแบ่งตลาดกลับมาจากคู่แข่ง และ จากกลยุทธ์ราคาทำให้บริษัทต้องรับมือการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาส 3/64 และ ทำให้บริษัทตัดสินใจขยายกำลังการจัดส่งเป็น 3 ล้านพัสดุต่อวันภายในสิ้นปีนี้ ต้นทุนการขยายกำลังการจัดส่งรวมถึง พนักงาน และค่าเช่ามที่จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ และ ไตรมาสหน้า 

      อย่างไรก็ตาม หากกำไรไตรมาส 3/64 ออกมาใกล้คาดกำไร 9 เดือนจะคิดเป็น 67% ของคาดการณ์ทั้งปี โดยยังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 45 บาท แม้จะปรับคาดการณ์กำไรลง แม้แนวโน้มกำไร และ ระดับ PE ปัจจุบันดูไม่สอดคล้องกัน แต่ปริมาณเงินสดในบริษัท และ อัพไซด์จากการเช่าทรัพย์สินเป็นการถือครองทรัพย์สินจะเป็นอัพไซด์จากประมาณการของเรา

      บล.ทิสโก้ คาดกำไรไตรมาส 3/64 จะทรงตัว YoY และ ลดลง 14% QoQ เป็น 290 ล้านบาท โดย KEX สามารถจัดส่งได้ 3 ล้านชิ้นต่อวัน เทียบกับ 2.2 ล้านชิ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเพียงพอต่อการสนับสนุนโมเมนตัมของปริมาณพัสดุในช่วงปลายปี

 จึงคงการประเมิน และ แนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 45.00 บาท อิงจาก DCF และ การประเมินมูลค่าปี 2022F สมมติฐานของเราประกอบด้วย WACC 9.5% , CoE 9.2% , Rf 1.1% , market-risk premium 8.4% และ terminal growth rate 3% 

 

*** ผู้บริหาร KEX ปัดไม่ทราบสาเหตุหุ้นร่วง เดินหน้าตามแผนธุรกิจ 

      นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน KEX เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ไม่ทราบถึงเหตุผลของราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงวันนี้ โดยการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนงาน ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายรายได้การเติบโตประมาณ 20% ในช่วง 5 ปี

      โดยในช่วงไตรมาส 3/64 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายการขนส่ง เช่น เครือข่ายศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งช่วยหนุนให้การขนส่งสินค้าคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในระดับ 2 ดิจิท หรือกว่า 10% ขึ้นไป จากต้นปี64 ที่บริษัทฯ สามารถขนส่งสินค้าได้ 2 ล้านชิ้น/วัน โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการประเมินและทบทวนตัวเลขดังกล่าว

      อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/64 บริษัทฯ ยังมีทิศทางผลการดำเนินงานที่ดีตอบรับช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และโปรโมชั่นการตลาดของธุรกิจออนไลน์ช่วง 10.10 , 11.11 และ 12.12 และในไตรมาสเดียวกันนี้คาดว่าจะเห็นพาร์เนอร์ใหม่ เพื่อทำธุรกิจขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากกว่าปกติ (Kerry LTL) เพิ่ม

  โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 65 และในช่วงเดือนพ.ย.นี้บริษัทฯ จะเริ่มให้บริการกลุ่มสินค้าแช่เย็น แช่แข็ง (Kerry COOL) ทั้งในกลุ่มสินค้าที่จับมือร่วมกับเบทาโกร และกลุ่มลูกค้ารายอื่นๆ

 


lich