World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

—สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้าวันนี้ (12 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อวานนี้ โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

-- สหรัฐฯ เตรียมกดดันให้ญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มจี 7 ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนและอินเดีย เพื่อเป็นการลงโทษที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

แรงกดดันที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนจะใช้ต่อประเทศเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะยุติสงครามของรัสเซียกับยูเครนให้ได้โดยเร็ว

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนส.ค.เมื่อวานนี้ โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 2.7% ในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ค

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 3.1% ในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค.

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก พุ่งขึ้น 27,000 ราย สู่ระดับ 263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย

-- นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้นจากเดือนก.ค.

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค.

-- บิตคอยน์ดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 114,000 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานเมื่อวานนี้

นักวิเคราะห์ระบุว่า บิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปแตะระดับ 116,000 ดอลลาร์

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวานนี้ (11 ก.ย.) ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน

การคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.15%

-- ยูโรแข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ยุติวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงกลางปีหน้า

นักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB ได้ยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบันแล้ว หลังจากที่ ECB แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อวานนี้

คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า "เรายังคงมีเศรษฐกิจที่ดี ขณะที่ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจมีความสมดุลมากขึ้นกว่าเดิม"

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.ย. โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะมีการขยายตัว 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 และ 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2569 โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันของประเทศในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จะมีการขยายตัว 100,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่อุปสงค์น้ำมันของประเทศนอกกลุ่ม OECD จะมีการขยายตัว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันในจีนและอินเดีย

-- แอปเปิ้ล อิงค์ มีกำหนดเปิดรับจองซื้อ iPhone 17 Series ในวันนี้ (12 ก.ย.) เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น.ตามเวลาไทย โดยไทยติดกลุ่มประเทศ Tier 1 ซึ่งจะได้รับสิทธิจองซื้อเป็นกลุ่มประเทศแรกของโลก ก่อนที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 ก.ย.

iPhone 17 Series มีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 17, iPhone 17 Pro, iPhone 17 Pro Max และ iPhone Air

-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (12 ก.ย.) ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., อังกฤษเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนก.ค., อินเดียเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. และสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน