ห้องเม่าปีกเหล็ก

รู้จักวิกฤต Subprime จากหนัง THE BIG SHORT

โดย lloaa lloaa
เผยแพร่ :
98 views

ภาพยนตร์เริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ในปี 2005 เมื่ออดีตนายแพทย์ผู้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ นามว่า ไมเคิล เบอร์รี่ (Michael Burry) พบว่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการก่อตัวของฟองสบู่ขนาดมหึมาอันเกิดจากความเสี่ยงของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีเครดิตต่ำ (Subprime) ซึ่งซ่อนอยู่ใน Collateralized Debt Obligation (CDO) หรือหลักทรัพย์ที่เกิดจากการมัดรวมหนี้สินเชื่อเข้าด้วยกัน ค่ายคาสิโนSA Gaming

เขาจึงเปิดเกมเข้าซื้อตราสารอนุพันธ์ที่ชื่อว่า Credit default swaps (CDS) กับสถาบันการเงินต่างๆ ไปทั่ว ตราสารตัวนี้ทำหน้าที่เสมือนประกันว่าตลาดอสังหาฯ จะพินาศลง ซึ่งคล้ายกับการเปิดโอกาสให้เขาสามารถ short ตลาดอสังหาฯ นั่นคือเขาเดิมพันว่ามูลค่าของตลาดอสังหาฯ จะลดลง โดยยอมจ่ายค่าเบี้ยประกัน (CDS spread) ในแต่ละปี  เว็บเล่นเอสเอเกมมิ่ง

เท่านั้นแหละครับ!! ลูกค้ากองทุนของเขาด่ายับเลย เนื่องจากสถาบันทางการเงินและบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างออกมาบอกว่าตลาดอสังหาฯ ยังคงแข็งแรง หนักๆ ลูกค้าก็แห่ถอนเงินออก แต่เขาก็ได้ระงับการถอนเงินชั่วคราวไปเลย

ตรงนี้บางคนอาจงงว่าอะไรคือ short

หลายคนคงคิดว่าการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนต้องเกิดจากการซื้อถูกขายแพง ใช่ครับ นักลงทุนที่ทำ short ก็ซื้อถูกขายแพงเหมือนกัน เพียงแต่ว่าพวกเขายืมของมาขายแพงก่อนแล้วค่อยซื้อถูกเอากลับไปคืนที่ยืมมา นักลงทุนที่ทำแบบนี้คือคนที่เดาว่าราคาสินทรัพย์นั้นจะลงเปิดยูสเอสเอเกมมิ่ง

ก่อนจะไปมากกว่านี้ ภาพยนตร์เริ่มอธิบายตราสารทางการเงินตัวหนึ่งที่เรียกว่า Mortgage-Backed Security (MBS) ในฉากที่มีสาวสวยแช่ตัวในอ่างอาบน้ำดื่มแชมเปญ โดย MBS เกิดจากการที่ธนาคารได้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันมามัดรวมๆ กันแล้วขายต่อกับนักลงทุน โดยภายในนั้นอาจเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีเครดิตสูง (Prime) หรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีเครดิตต่ำ (Subprime) ก็ได้

มาต่อกันที่ภาพยนตร์

ในขณะเดียวกัน จาเร็ด เวนเน็ตต์ (Jared Vennett) นายหน้าขายพันธบัตรแห่งด๊อยซ์แบงค์ (Deutsche Bank) บังเอิญได้ข่าวการเข้าซื้อ CDS กว่า 1,300 ล้านเหรียญ ของไมเคิล เบอร์รี่ (ฉากงานฉลองต้นเรื่อง) เลยเริ่มหาข้อมูลมาเสนอให้เหล่าผู้จัดการกองทุนเข้าซื้อ CDS หวังได้ค่าคอมมิชชั่นและอยากจะ short ตามบ้าง

บังเอิญลูกทีมโทรผิดไปหากลุ่มของ มาร์ค บาม (Mark Baum) ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันแห่งหนึ่ง พ่อหนุ่มขี้วีนผู้จ้องหาด้านมืดของระบบการเงินได้สะดุดตากับข่าวการเข้าซื้อ CDS ของไมเคิล เบอร์รี่ แต่ก่อนที่เขาจะปิดดีลเข้าซื้อ short ครั้งนี้ ก็ได้หาข้อมูลของดีลมูลค่ากว่า 1,300 ล้านเหรียญ แล้วพบว่า ไมเคิล เบอร์รี่ เจอเข้ากับหนี้ก้อนมหึมาซึ่งซ่อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ชื่อว่า Collateralized Debt Obligation (CDO) ที่เกิดจากการนำพันธบัตร หุ้นกู้ รวมไปถึง MBS มารวมๆ กันแล้วห่ออย่างสวยงามออกมาขายนักลงทุน แถมยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อ AAA (ระดับสูงสุด) ซึ่งจริงๆ แล้วประกอบไปด้วยขยะจากกลุ่มซับไพร์มกว่า 65 % อันเป็นตัวเร่งการเกิดวิกฤต

นอกจากนี้เขายังได้ส่งลูกทีมออกสำรวจตลาดอสังหาฯ ซึ่งมีแต่บ้านที่ว่างเปล่าและราคาที่สูงลิบ มาร์ค บาม จึงสรุปว่าเขาได้พบกับฟองสบู่อันจะนำมาซึ่งวิกฤตในเร็วๆ นี้ จึงจัดการปิดดีล short กับจาเร็ด เวนเน็ตต์

มาถึงคู่หูเด็กเกรียนอย่าง ชาร์ลี เกลเลอร์  (Charlie Geller) กับ เจมี่ ชิปลีย์ (Jamie Shipley) ได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านอดีตนักการเงินผู้หันหลังให้กับระบบการเงินนามว่า เบน ริกเคิร์ต (Ben Rickert) หลังจากพบเอกสารนำเสนอของ จาเร็ด เวนเน็ตต์ ที่ล็อบบี้ธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อขอเข้าซื้อ CDS ต่อในตลาดรอง เพราะทั้งสองยังทุนไม่หนาพอที่จะเข้าซื้อ CDS โดยตรงกับสถาบันการเงินเหมือนพวกกองทุน และสุดท้ายก็นำไปขายต่อที่ตลาดในยุโรปตอนตลาดอสังหาฯ ใกล้ล้ม (ช่วงท้ายเรื่อง)


lloaa lloaa