เช็คหุ้นอาหาร-เครื่องดื่ม

เช็คหุ้นอาหาร-เครื่องดื่ม ปันผลแจ่ม งบไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิพุ่ง

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ถือเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศไทย และเศรษฐกิจโลก ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงทางอ้อม เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ต้องชะลอลง จนทำให้ภาครัฐได้ออกมาตรการเยียวยาความเสียหายของประชาชนทุกภาคส่วน

แม้การระบาดของ ไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลด้านลบต่อภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการลงทุนต่างๆ ที่จะต้องหยุดชะงักลง แต่การดำเนินชีวิตของคนเรานั้น สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ ของกินและของใช้ ดังนั้นกลุ่มสินค้าจำพวกอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ยังถือเป็นสิ่งที่ยังต้องควบคู่กับการดำรงชีวิตของมนุษย์

COVID-19 มีการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง จนล่าสุดได้ผ่านช่วงไตรมาส 1/2563 ไปแล้ว และก็ใกล้ฤดูกาลประกาศงบอีกครั้ง วันนี้ Wealthy Thai ขอนำเสนอเกี่ยวกับ หุ้นกลุ่มสินค้าจำพวกอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างในช่วงไตรมาส 1/2563

เป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพ

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจะเป็นหนึ่งในสินค้าอันดับท้าย ๆ ที่จะจำหน่ายสินค้าไม่ได้ โดยเชื่อว่าสินค้าจำพวกอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) จะไม่เผชิญกับเหตุขัดข้องในการจัดจำหน่าย จากการแพร่ระบาดของ COVID-19  ได้ง่ายดายนัก เพราะส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ความเสี่ยงต่ำจากการปิดประเทศ

ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าสินค้าของ BGC, CBG, OSP, RBF, SAPPE และ TKN จะสามารถจัดจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19  และมีความเสี่ยงต่ำจากประเด็นการปิดประเทศ แต่จะมีเพียง M และ ZEN ที่เปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าที่ต้องเผชิญภาวะวิกฤติจากการปิดห้าง

งบดุลแกร่ง-หนี้ต่ำ

หุ้นในกลุ่มโดยรวมน่าจะทนทานต่อภาวะวิกฤติได้ดี และไม่ปฏิเสธว่า การระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลลบต่อกำไรของหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่ม F&B ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 แต่เชื่อว่าโดยรวมแล้ว บริษัทในกลุ่มจะสามารถสู้กับวิกฤติและผ่านพันไปได้ด้วยดี เนื่องจากมีงบดุลที่แข็งแกร่งและระดับหนี้ที่ต่ำ โดยทาง RBF และ SAPPE น่าจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะอุปสงค์ต่อสินค้าอาหาร และเครื่องดื่มยังแข็งแกร่งอยู่

M ตุนเงินสดมากกว่า 8 พันล้านบาท

ขณะที่มองว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังจะได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่อุปสงค์ต่อเครื่องดื่มวิตามินน่าจะยังอยู่ในระดับสูงนอกจากนี้ แม้ M จะต้องปิดสาขาส่วนใหญ่ลง แต่เชื่อว่าบริษัทจะสามารถพยุงกิจการจนผ่านพันวิกฤติไปได้ เพราะมีเงินสดสุทธิในมือที่มากกว่า 8 พันล้านบาท

CBG-RBF ลุ้นไตรมาส 1 กำไรพุ่ง

ภาพกำไรอ่อนแอในไตรมาส 1-2/2563 จากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป และส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง โดยคาดว่าหุ้นในกลุ่ม F&B ส่วนใหญ่ในไตรมาส 1/2563 จะรายงานรายได้และกำไรที่อ่อนแอลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาส 4/2562 แต่จะมีเพียง CBG และ RBF ที่คาดว่าจะมีกำไรที่เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดว่า M และ ZEN จะรายงานกำไรไตรมาส 1/2563 ที่ลดลงในระดับที่มากกว่า 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนคนเดินห้างที่ลดลง และการปิดห้างในช่วงกลางเดือน มี.ค. 2563 เป็นต้นไป

ดังนั้นด้วยการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19  ที่กินเวลานานกว่าคาด จึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-65 ของหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่ม F&B ลงในกรอบ 3-39% โดยยังคงประมาณการของ RBF และ CBG ตามเดิม ขณะที่ปรับลดกำไรปี 2563 สำหรับ ZEN ลง 39.5% ส่วน TKN ลดลง 23.3% และ M ลดลง 15.7%

เลือก RBF, M และ CBG เป็นหุ้นเด่น โดยคาดว่า RBF จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19  เพียงเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่ จำหน่ายสินค้าจำเป็น และในส่วนของ M แม้กำไรอาจออกมาต่ำอย่างมากในครึ่งแรกของปี 2563 แต่เชื่อว่าเงินสดในมือจำนวนมากของบริษัทจะช่วยให้ M รับมือกับวิกฤตินี้ได้ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยที่ทำให้มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่มากกว่า 6% ได้ ด้าน CBG ยังคงมีแรงขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรมาจากยอดขายใน CLMV และการประหยัดต้นทุน

โดยมีรายละเอียดในตารางดังนี้

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก