ห้องเม่าปีกเหล็ก

'วิธีพูดในที่ชุมนุมชน'

โดย ปะการัง
เผยแพร่ :
223 views

เมื่อวานนี้ผมมีโอกาสได้เรียนรู้ 'วิธีพูดในที่ชุมนุมชน' จากตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม จนต้องขอจดบันทึกเอาไว้ฝึกหัดในภายภาคหน้า จากการขึ้นเวทีกล่าวสปีชของพี่ใหญ่-ดร.ประวิช รัตนเพียร ในงานปิดคอร์ส IMETMAX รุ่นสี่ ขออนุญาตถอดรหัสความประทับใจตามความเข้าใจของผมเองดังต่อไปนี้

1. ไม่คาดหวังความประทับใจ:

เวลาที่ต้องกล่าวอะไรต่อหน้าผู้คน สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นและกังวลมากที่สุดคือความคาดหวังของเราเอง ยิ่งอยากให้คนฟังประทับใจมากเท่าไหร่ยิ่งตื่นเต้น เกร็ง สิ่งที่หายไปทันทีคือความเป็นธรรมชาติ ซึ่งคือเสน่ห์ที่สุดของการพูดในทุกสถานการณ์ เวลาอยากสร้างความประทับใจมากเกินไป เราจะดูคล้ายหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมตัวเองมาให้คนอื่นประทับใจ ต้องระวัง

.

 

2. เป็นธรรมชาติและธรรมดา:

คนเราชอบคนที่เป็น 'เพื่อน' ไม่ใช่ผู้ใหญ่ ผู้รู้ ผู้นำ ผู้ดี ผู้เก่งกาจ หรืออีกหลายๆ ผู้ที่เราอาจจะอยากเป็น แท้ที่จริงแล้วความเป็นธรรมดาที่สุดนั่นเองที่ทำให้ผู้ฟังรักและเอาใจช่วยผู้พูด พี่ใหญ่ขึ้นเวทีอย่างเรียบง่าย หายใจสบายๆ เกริ่นเริ่มโดยไม่มีสูตรสำเร็จใดๆ คนฟังสัมผัสบรรยากาศสบายๆ ได้ตั้งแต่วินาทีแรก

.

 

3. จริงใจ ไม่ใช่คำคม:

ไม่ต้องพกคำคมมาเต็มกระเป๋า สิ่งทรงพลังที่สุดสำหรับการพูดในที่ชุมนุมชนคือถ้อยคำที่ออกมาจากใจ ไม่ต้องคิดว่าจะพูด 'คำ' ไหน เพราะถ้าท่องมาจะเกร็ง กลัวลืม แต่ให้คิดว่า 'ความ' ที่อยากบอกจากใจคืออะไร เผลอๆ เดี๋ยวพูดออกมาจะคมโดยไม่รู้ตัว

.

 

4. อารมณ์ขันคือน้ำจิ้มรสเลิศ:

อารมณ์ขันเกิดได้ง่ายที่สุดจากการแซวตัวเอง ยิ่งแซวตัวเองว่าไร้ความสามารถ ไม่เหมาะที่จะขึ้นมากล่าว การขึ้นเวทีเป็นทุกข์หนัก ด้วยท่าทีที่ถ่อมตัวและจริงใจ หรือแซวผู้ฟังอย่างน่ารัก หยิบสถานการณ์เฉพาะหน้าหรือสถานการณ์บ้านเมืองตอนนั้นมาหยิกหยอกก็จะทำให้การพูดมี 'น้ำจิ้ม' หยอดระหว่างทาง เพิ่มรสชาติให้สปีชทั้งหมดกลมกล่อม ไม่จืดหรือขมจนเกินไป

.

 

5. ให้เกียรติคนฟัง:

พี่ใหญ่ทำให้เห็นข้อนี้ชัดเจนมาก เริ่มจากการเปิดสปีชด้วยความถ่อมตัวว่าทุกคนได้พูดไปหมดแล้ว ตัวเองไม่เหมาะจะมารับหน้าที่เป็นตัวแทน mentors ทั้งหลาย ชื่นชมพี่ๆ หลายๆ ท่าน ณ ที่นั้น โดยหยิบยกจากคลิปวิดีโอที่เพิ่งเปิดไปสดๆ ขึ้นมาในประเด็นสำคัญ ระหว่างทางจะเห็นว่าพี่ใหญ่ไม่ได้พูดถึงแต่ความคิดของตัวเอง แต่ให้เกียรติกล่าวถึง หยิบยกคำพูด และอ้างถึงผู้คนในที่นั้นมากมาย เป็นส่วนที่น่ารักและชวนประทับใจมาก สิ่งนี้หากไม่ใช่เนื้อตัวของผู้พูดจะทำออกมาแล้วไม่แนบเนียน เหมือนเป็นสูตร และบางคนก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้ คือพูดถึง 'ผม' หรือ 'ดิฉัน' ตลอดเวลา ข้อนี้จึงไม่ใช่เทคนิค หากคือ 'หัวใจ' ที่ซื้อใจคนฟังได้เพราะตัวตนเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ

.

 

6. ยิ่งใหญ่ ยิ่งถ่อม ยิ่งมีพลัง:

พี่ใหญ่เป็นอดีตรัฐมนตรี อดีตกกต. อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เมื่อวานพี่ใหญ่บอกว่ายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก หมดวาระของการเป็นผู้สอน (mentor) แล้ว แต่อยากสมัครเป็นผู้เรียน (mentee) บ้าง เพราะพี่ๆ ผู้สอนนั้นเก่งๆ และน่าเรียนด้วยสุดๆ โอ้โห สปีชช่วงนี้ผมนับเป็นกระบวนท่าที่คมคายลึกซึ้งยิ่ง ทั้งถ่อมตัวและยกย่องผู้อื่นพร้อมกัน เราเข้าใจเนื้อความชัดแจ้ง ขณะเดียวกันก็เห็นตัวตนและความน่ารักของผู้พูดไปด้วย

.

 

7. ปล่อยหมัดฮุกในจังหวะที่ใช่:

ไม่ต้องเยอะ เพราะเยอะแล้วจำไม่ได้ หากชำนาญการมากพอ เปิดหัวด้วยความเป็นธรรมชาติ ถ่อมตัว แซวตัวเองให้คนเอาใจช่วยสักหน่อย ให้เกียรติและยกย่องคนอื่นอย่างจริงใจ สอดแทรกด้วยมุกตลก และกุม 'วรรคทอง' เป็นหมัดฮุกไว้แค่หมัดเดียวเด็ดๆ ก็พอ ปล่อยหมัดในจังหวะที่คนฟังอยู่ในมือเราเรียบร้อย รักเราไปแล้ว เป็นพวกเราไปแล้ว พอปล่อยมานี่คือเสยไปที่หัวใจเต็มๆ และเป็นที่จดจำ เมื่อวานพี่ใหญ่เก็บ 'วรรคทอง' ซึ่งเป็นแก่นเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารไว้เป็น 'ย่อหน้าสุดท้าย' ซึ่งได้ผลตามคาด เรียกเสียงปรบมือ อื้อหือ อ้าหาลั่นดัง เชื่อว่าทุกคนจดจำวรรคทองนั้นได้

.

 

8. ปิดท้ายง่ายๆ แต่ประทับใจ:

ชั้นเซียนอีกอย่าง หลังปล่อยวรรคทองไปแล้ว กราฟดันไปถึงพีคของสปีชแล้ว เพราะเสียงปรบมือก้องเหมือนจะจบ แต่ทำยังไงล่ะ ตัวผู้พูดยังยืนอยู่บนเวที ต้องหาจุดฟูลสต๊อปให้การพูดทั้งหมดก่อนลงเวที พี่ใหญ่ใช้วิธีเรียบง่ายมากๆ นั่นคือพูดว่า "และสุดท้าย รักทุกคนนะครับ" แล้วทำสัญลักษณ์ I love you ซึ่งเป็นการปิดท้ายสปีชที่น่ารักสุดๆ

.

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการเป็นผู้ฟังอยู่ตรงนั้นคือ นิสัยใจคอของเราเป็นเรื่องสำคัญ หากเราเป็นคนที่ให้เกียรติคนอื่น ไม่เย่อหยิ่ง เราย่อมเห็นว่าการพูดของเราไม่ได้อยู่ในสถานะของคนที่จะมาพร่ำสอนอะไรใคร ไม่ได้มาโน้มน้าวใคร แต่มาชวนคุยชวนคิด แล้วเราจะเห็นข้อดีของผู้คนมากมาย กล่าวชื่นชมเขาได้ ถ้าถ่อมตัว เราจะเห็นข้อด้อยของเรา นำมาแซวตัวเองเล่นได้ ที่สำคัญ การให้เกียรติคนฟังยังหมายถึงการที่คิดว่าการพูดของเราจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ฟัง มิใช่ตัวเอง เราไม่ได้พูดเพื่อให้ตัวเองดูดี เท่ พูดเก่ง หรือฉลาด แต่เราอยากส่งต่อ 'สาร' สำคัญที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังไปให้เขา

"คิดถึงผู้ฟังมากกว่าตัวเอง" นี่คือกุญแจสำคัญ

หากทำได้ เราจะไม่เกร็ง ไม่กังวล ไม่ต้องมีสง่าราศีอะไรมากมาย ไม่ต้องคม ไม่ต้องฉลาด แต่สิ่งที่เราพูดนั้นจริงใจและมีประโยชน์ เพื่อผู้ฟัง

ตรงเป๊ะกับวรรคทองที่พี่ใหญ่กล่าวปิดท้ายว่า "การงานในชีวิตนี้มีสองอย่าง คือ 'ทำเอา' กับ 'ทำให้' เชื่อว่าพี่ๆ mentors ทุกคนที่สละเวลามาสอนน้องๆ ล้วนตั้งใจมา 'ทำให้' โดยไม่คาดหวังว่าจะได้อะไรตอบแทนเลย สิ่งเดียวที่คาดหวังจากน้องๆ ที่ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปคือ pay it forward ส่งต่อสิ่งดีๆ นี้ต่อไปให้คนอื่น"

การขึ้นเวทีกล่าวสปีชของพี่ใหญ่สะท้อนสิ่งนี้ชัดเจนยิ่ง

'กล่าวให้' ไม่ใช่ 'กล่าวเอา'

นั่นล่ะ สปีชที่ดี

 

#นิ้วกลมบันทึก

 

 


ปะการัง