คุณอดิศักดิ์ กำเงินเกือบ 140 ล้านบาท
ลุยเก็บหุ้น JMART - JMT
บล.เอเซีย พลัส มองครึ่งปีหลังเติบโตแรง

.
ก.ล.ต. รายงาน คุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กำเงิน 139 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น JMART และ JMT เกือบ 140 ล้านบาทในวันเดียว ด้านบล.เอเซีย พลัส มองการเติบโตของ JMART จะโดดเด่น ทั้งจากรายได้กลุ่มมือถือ การบริหารหนี้ที่เติบโตดี ให้ราคาเป้าหมาย 63.60 บาท
.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รายงานการซื้อขายหุ้นของผู้บริหาร ประจำวันที่ 20 ก.ย. คุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) JMART เข้าซื้อหุ้น JMART จำนวน 2 รายการ และหุ้น JMT คิดเป็นมูลค่ากว่า 139,741,572 บาท
.
1 เข้าซื้อหุ้น JMART 400,000 หุ้น ราคาเฉลี่ย 51.62 บาท มูลค่า 20,648,000 บาท
2 เข้าซื้อหุ้น JMART 400,000 หุ้น ราคาเฉลี่ย 51.62 บาท มูลค่า 20,648,000 บาท
3 เข้าซื้อหุ้น JMT 1,343,600 หุ้น ราคาเฉลี่ย 73.27 บาท มูลค่า 98,445,572 บาท
.
บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรปกติช่วงครึ่งปีหลัง จะเร่งตัวขึ้น จะโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไร 688 ล้านบาท และ 663 ล้านบาท ตามลำดับ จากการเติบโตขึ้นของทั้งธุรกิจหลักคือ การจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ (Jaymart Mobile) และธุรกิจรอง คือ การบริหารหนี้ (JMT) โดยคาด Jaymart Mobile น่าจะมีรายได้เร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป จากการเปิดเมืองเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้น ก.ค. 65 และกำลังซื้อที่เริ่มดูดีขึ้น
.
รวมทั้งการที่ห้างฯ ร้านค้าต่างๆ ร้านจำหน่ายมือถือกลับมาเปิดได้ตามปกติ หลังจากที่ในไตรมาสที่ 3 ต้องปิดไปชั่วคราวในช่วงที่โควิดระบาดหนัก นอกจากนี้คาดในงวดไตรมาสที่ 4 จะได้รับผลบวกจากการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มักจะมียอดขายสูงสุดในช่วงปลายปี และการจำหน่ายไอโฟนรุ่นใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ามือถือแบรนด์อื่นๆจะช่วยผลักดันอัตรามาร์จิ้นโดยรวมให้สูงขึ้นได้ส่วน JMT คาดพอร์ตลูกหนี้ที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง บวกกับความสามารถจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้นจะช่วยให้รายได้สูงขึ้น
.
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยแนวโน้มการเติบโตทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ยังดูดีฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565-66 ของ JMART ไว้ที่ 1.7 (+48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 2.2 พันล้านบาท (+299 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ) โดยเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 63.60 บาท (Sum of the Part ที่อิงมูลค่าพื้นฐาน JMT ที่ 80 บาท, SINGERที่ 57.3) เพราะ
1) กำไรปี 2565 - 66 โตได้เฉลี่ยสูงถึง 38%
2) กำไรยังมีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องไปในระยะยาว จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
3) ยังมี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากหลายโครงการ เช่น ธุรกิจการขายแผงโซล่าร์รูฟท๊อป , การร่วมทุนกับผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าท้องถิ่นตามหัวเมืองต่างๆ (JayDee)และความร่วมมือกับ BRR