ห้องเม่าปีกเหล็ก

หลััักการลงทุนที่แตกต่างแหวกแนว!

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
53 views

ท่านนักลงทุนคงคุ้นเคยกับการลงทุนและเก็งกําไรใน 2 หลักการ คือ :

1) หลักการลงทุนโดยใช้แนวปัจจัยพื้นฐานซึ่งประกอบไปด้วย :

1.1) หลักการ Value หรือเน้นมูลค่า โดยเจ้าตําหรับก็คือ Benjamin Graham

1.2) หลักการ Growth หรือเน้นการเติบโต โดยเจ้าตําหรับก็คือ Philip A. Fisher 

" Warren Buffett ใช้หลักการของ Value 30% และ  Growth 70% แล้วเข้าไปลงทุนในหุ้น Coco Cola ในวิกฤติวันจันทร์ทมิฬในปี ค.ศ 1987 แล้วถือยาวมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งกินเวลา 32 ปี และถือว่าเป็นการลงทุนที่ประสบผลสําเร็จที่สุดของ Warren Buffett " และถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่ประสบผลสําเร็จมากที่สุดในโลกสําหรับการลงทุนในแนวนี้ 

2) หลักการเก็งกําไรโดยใช้แนวปัจจัยเทคนิค ซึ่งประกอบไปด้วยหลักการใช้แท่งเทียน อีเลียตเวฟ ทฤษฎีดาว และอื่นๆ มาอธิบายพฤติกรรมของหุ้นโดยการใช้กราฟเป็นหลัก  " แต่ก็ยังไม่เคยมีการบันทึกถึงการประสบความสําเร็จในการเก็งกําไรแบบนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน "

ส่วนหลักการลงทุนที่แตกต่างแหวกแนวออกไปที่ผู้โพสต์จะกล่าวถึง ก็คือ " หลักการลงทุนในสิ่งที่ตัวเองมีความรู้ดี " หลักการนี้นําเสนอโดยจิม โรเจอร์ ดังนี้ คือ : 

จิม โรเจอร์ ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ " หลักการลงทุน "  ดังนี้ คือ :

ผู้คนต่างถามผมอยู่เสมอว่าลงทุนในอะไรดี ซึ่งผมก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง ผมบอกว่า อย่าฟังผม อย่าฟังใครทั้งนั้น ทางเดียวที่คุณจะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จคือ " การลงทุนในสิ่งที่คุณมีความรู้ดี "   ทุกคนมีสิ่งที่ตนรู้ดีทั้งนั้น มันอาจจะเป็นรถ แฟชั่น หรืออะไรก็ตาม คุณรู้ดีในเรื่องอะไรสักเรื่อง ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องอะไรดี ให้คุณถอยมามองดูชีวิตประจําวันของคุณ เมื่อคุณนั่งรอตรวจกับหมอคุณมักจะหยิบนิตยสารอะไรขึ้นมาอ่าน ถ้าคุณเปิดโทรทัศน์คุณมักจะดูรายการประเภทไหน และคุณก็จะรู้ในไม่ช้าว่าคุณสนใจเรื่องอะไรกันแน่ และความรอบรู้ของคุณจะอยู่ในเรื่องใด

ตอนนี้คุณก็พร้อมที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบผลสําเร็จแล้ว ถ้าคุณมีความสนใจเรื่องรถยนต์ ให้คุณอ่านทุกอย่างที่คุณหาได้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ คุณจะรู้ว่าเมื่อไหร่บางสิ่งที่จะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ดีขนานใหญ่จะเกิดขึ้น จากนั้นให้ตามเรื่องต่อ อ่านเรื่องที่คุณค้นพบให้มากขึ้น มันอาจจะเป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบใหม่ที่กําลังพัฒนาอยู่ เป็นระบบที่เหนือกว่าและถูกกว่าระบบที่กําลังใช้อยู่ และคุณก็รู้ว่าเมื่อมันเข้าสายพานการผลิตเมื่อไหร่ มันจะกินส่วนแบ่งการตลาดขนานใหญ่อย่างแน่นอน หรือมันอาจจะเป็นถนนเส้นใหม่ ผู้คนอาจจะขับรถไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน โรงแรมหรือศูนย์การค้าใหม่อาจจะเปิดที่นั่น กลยุทธพื้นฐานคืออยู่ในสิ่งที่คุณรู้แล้วขยายความรู้ออกไป ถ้ามีคนโทรฯมาหาคุณแล้วบอกว่า "โอ้ พระเจ้า ตอนนี้มีข่าวใหม่เกี่ยวกับกระบวนการผลิตคอมพิวเตอร์แบบใหม่ คุณต้องไม่ใส่ใจมัน คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ "  รถยนต์คือสิ่งที่คุณรู้ เพ่งพินิจในสิ่งที่คุณรู้และเมื่อคุณเห็นการเปลี่ยนแปลง คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กําลังจะมาก่อนที่ผมจะเห็นนานทีเดียว นานโขกว่าที่คนอื่นในวอลส์สตรีทจะเห็น เพราะรถยนต์เป็นความชื่นชอบของคุณ มันเป็นเรื่องที่คุณนั่งอ่านอยู่ตลอดเวลา

หมายเหตุ : ที่มาจาก Street Smarts โดย Jim Rogers

สําหรับตัวผู้โพสต์เองนั้น ก็ได้นําหลักการดังกล่าวข้างต้นของจิม โรเจอร์เพื่อมากําหนดกลยุทธการลงทุนของตัวเองขึ้นมาดังนี้ คือ :

" 1) ตลาดหมีและตลาดกระทิงกําหนดโดยแนวโน้มของดอกเบี้ย Fed Fund  Rate และปัจจุบันตลาดอยู่ในสภาวะกระทิงเพราะแนวโน้มของดอกเบี้ย Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่ไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2563

2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ในประเทศไทยเกิดจากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทําให้เกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนจากจีนไปยังประเทศอื่นๆรวมทั้งประเทศไทยด้วย และจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้รัฐบาลไทยต้องเร่งรัดโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท และเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ( EEC ) แล้วจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยรวม ทั้งนี้จนถึงปลายปี พ.ศ 2563

3) ตลาดหมีและตลาดกระทิงกําหนดโดยแนวโน้มของดอกเบี้ย Fed Fund  Rate และในปี พ.ศ 2564 ตลาดน่าอยู่ในสภาวะหมีเพราะแนวโน้มของดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะกลับตัวเป็นขาลงรอบใหญ่

4) ธุรกิจถ่านหินน่าจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ระหว่างปี พ.ศ 2565 - 2570 ( 6 ปี ) เพราะเศรษฐกิจจีนน่าจะพลิกฟื้นกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหญระหว่างปี พ.ศ 2565 - 2570 ( 6 ปี ) หลังจากเผชิญกับสภาวะ Recession ของโลกในปี พ.ศ 2564 แล้ว "

 


ศักดิ์