“ฑีฆาก่อสร้าง (TEKA)” ได้ฤกษ์เทรด 15 มิ.ย.นี้ กูรูให้เป้าสูงสุด 8.30 บ./หุ้น

* SET รับ TEKA เริ่มซื้อขาย 15 มิ.ย. นี้
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รับ TEKA เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) วันที่ 15 มิ.ย.65 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง
.
TEKA มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) 75 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายและรับประกัน การจัดจำหน่าย ผู้มีอุปการะคุณ บุคคลผู้มีความสัมพันธ์ และพนักงานของบริษัท ในระหว่างวันที่ 2-8 มิ.ย.65 ในราคาหุ้นละ 4.60 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 345 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,380 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 9.91 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ซึ่งเท่ากับ 139.21 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขาย IPO คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (fully diluted EPS) เท่ากับ 0.46 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) และบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
.
บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท
.
หลัง IPO TEKA จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท วานิช โฮลดิ้ง จำกัด เป็นกลุ่มของนายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทถือหุ้นรวม 75%
.
* พร้อมเทรด ระดมเงินเป็นทุนรับงานใหม่
นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEKA กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 มิ.ย.65 นี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน และมั่นใจว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะสนับสนุนโอกาสในการเดินหน้าประมูลงานใหม่ โดยในปีนี้มีอีกไม่ต่ำกว่า 15 – 20 โครงการ
.
เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 328.45 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ รวมถึงใช้ในการจัดหา ซ่อมแซม และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้างต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการที่ทยอยออกมาเพิ่มขึ้น และสร้างผลตอบแทนนักลงทุนในระยะยาว
.
ทั้งนี้ TEKA ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เชี่ยวชาญในกลุ่มงานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ เช่น อาคารศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน อาคารเรียน โรงแรม และ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เป็นต้น
.
การรับเหมาก่อสร้าง จะครอบคลุมงานตั้งแต่ (1) งานโครงสร้าง (2) งานสถาปัตยกรรม และ (3) งานระบบประกอบอาคาร ปัจจุบัน TEKA อยู่ในฐานะผู้รับเหมาหลักของโครงการ โดยจะมีทีมวิศวกรซึ่งมีประสบการณ์และความชำนาญ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และสามารถส่งมอบได้ตามเงื่อนไขของสัญญา
.
* หุ้นน้องใหม่ พื้นฐานแกร่ง
นายธีร์ จารุศร กรรมการผู้จัดการ Head of Investment Banking and Capital Markets บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า TEKA จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่คร่ำหวอดในวงการมานานกว่า 38 ปี มีลูกค้าชั้นนำกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม รวมทั้ง มีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้ดี ตลอดจน ทีมงานวิศวกรที่มากด้วยประสบการณ์ จะสนับสนุนโอกาสภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น รองรับงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
.
นายโยธิน วิริเยนะวัตร์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม มั่นใจเมื่อหุ้น TEKA เข้าซื้อขาย จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากช่วงที่เปิดเสนอขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา กระแสความต้องการหุ้น TEKA มีมากกว่าจำนวนที่จัดสรร โดยจากความต้องการที่ล้นหลามครั้งนี้ นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ TEKA แล้ว การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.60 บาท คิดเป็น P/E ราว 9.91 เท่า สร้างความสนใจให้นักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นเติบโตรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในอัตราเร่ง
.
* โชว์งบ Q1/65 กำไรแตะ 53.61 ลบ.โต 32.7% รายได้ 599 ลบ.
TEKA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/65 มีกำไรสุทธิ 53.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.41 ล้านบาท
.
บริษัทมีรายได้จากการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 599.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 37.6% จากการเร่งรัดงานก่อสร้างในโครงการต่างๆ ต่อเนื่องจากไรมาสที่แล้ว โดยในไตรมาสนี้ บริษัทมีโครงสร้างรายได้เกือบทั้งหมดมาจากงานภาคเอกชน
***โบรกฯ เคาะราคาเป้าหมายที่ 5.50-8.30 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี กําหนดช่วงราคาเหมาะสมที่ 6.90-8.30 บาทต่อหุ้น คาดกําไรปี 65 เติบโต 10% เป็น 139 ล้านบาท และโตต่อในปี 66 ที่ 35% เป็น 187 ล้านบาท ให้ CAGR 2 ปี ที่ 22% หนุนโดย (1) การฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมช่วยเพิ่มรายได้ก่อสร้างและงานในมือของบริษัทฯ และ (2) อัตรากําไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับดี 14-15%
.
บล.เคทีบีเอสที ประเมินหุ้น TEKA ด้วยราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 7 บาท บริษัทมี backlog อยู่ในระดับดีที่ 1.8 พันล้านบาท และ ณ สิ้นไตรมาส 1/65 บริษัทได้รับงานใหม่เพิ่มอีกราว 479 ล้านบาท อีกทั้งมองว่านับจากนี้บริษัทยังมีโอกาสในการได้งานใหม่เพิ่ม ตามเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัว รวมถึงปัจจัยหนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยของรัฐ
.
ประเมินกําไรสุทธิในช่วง 2 ปีข้างหน้าจะขยายตัว +11% (CAGR 2021-23E) โตต่อเนื่องจากปี 2021 ที่ +45% YoY เป็นไปตามการรับรู้ backlog ปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้ในปีนี้ และมูลค่าการลงนามสัญญาใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเมินหุ้น TEKA ด้วยราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 7.00 บาท อิง PER 15x และ EPS ที่ 0.47 บาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ราว 21x
.
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินราคาเป้าหมาย 5.60 บาท TEKA บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก เชี่ยวชาญก่อสร้างอาคารตึกสูง สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีและ มีกำไรดี แนวโน้มผลประกอบการ ปี 65-66 คาดจะเติบโตจากงานในมือปัจจุบันที่สูง และในอนาคตมีแนวโน้มจะได้งานอีกหลายโครงการ
.
ประเมินราคาเป้าหมาย 5.60 บาทบนฐาน P/E เท่ากับ 12 เท่า ให้สูงกว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอาคารในตลาดเล็กน้อย โดยมีค่า P/E 10-11 เท่า จากผลการดําเนินงานที่เด่นกว่า ที่ราคาเป้าหมายจะซื้อขาย P/E ปี 65 เท่ากับ 12 เท่า P/BV 2.3เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.8% รับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กที่มีความชำนาญ
.
ปัจจุบันมีงานกําลังก่อสร้าง 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,243 ล้านบาท โดยเหลืองานในมือ 1,775 ล้านบาท ซึ่งโครงการเกือบทั้งหมดเป็นของภาคเอกชน และ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม
.
แนวโน้มผลประกอบการปี 65-66 จะเติบโต ณ สินปี 64 บริษัทฯมีงานในมือ(Backlog) 1,775 ล้านบาท จากทั้งหมด 8 โครงการ โดยคาดจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ปัจจุบนั บริษัทฯ ประมูลได้งานใหมเพิ่มอีกจํานวน 1 โครงการมูลค่า 479 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เราประเมินยอดรับรู้รายได้ ปี 65 เท่ากับ 2,275 ลบ.เติบโต 43% มีอัตรากําไรขั้นต้น 15.5% และคาดจะมีกําไรสุทธิ140 ล้านบาท เติบโต 10.7% ส่วนปี 66 ประเมินยอดรับรู้รายได้ 2,503 ล้านบาท เติบโต 10% และคาดจะมีกําไรสุทธิ 154 ลบ.เติบโต 10.5%
.
บล.เอเชีย เวลท์ ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 5.50 บาท คาดกำไรสุทธิปี 65-66 เติบโต 16.3% YoY และ 11.3% YoY คาดเงินปันผลปี 65-66 อยู่ที่ 0.26 บาท และ 0.28 บาท ตามลำดับ ภาพรวมธุรกิจได้ประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการเปิดประเทศ
