ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์หุ้น CBG ที่ไม่รู้กำไรจะNew high ถึงเมื่อไหร่

โดย Durant
เผยแพร่ :
72 views

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์หุ้น CBG ที่ไม่รู้กำไรจะNew high ถึงเมื่อไหร่

หุ้น Super stock นั้นไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เพราะต้องเป็นหุ้นที่ต้องรักษาการเติบโตต่อเนื่องแบบขั้นสุด อย่างในรายของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ที่ยังสร้างปรากฏการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ  881 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่  552 ล้านบาท หรือ เติบโตเกือบ 60 %  โดยเป็นผลจากการบุกตลาดต่างประเทศที่เป็นไปตามคาด และการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี สวนทางกับบริษัทอื่นที่ต้องเผชิญกับพิษ COVID-19 ที่อาจจะทำให้หลายบริษัทต้องพลิกเป็นขาดทุน


การเติบโตแบบกำไร New high ต่อเนื่องและเป็นกำไรที่สูงกว่านักวิเคราะห์หลายรายคาดหมายทำให้ CBG นั้นถูกจับจ้อง โดยนักวิเคราะห์บางรายอย่างค่า บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้หัวข้อในบทวิเคราะห์ชิ้นนี้ว่า  CBG นั้น กำไร New high ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด


บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เผยแพร่บทวิเคราะห์ชิ้นนนี้ โดย ให้ราคาเป้าหมายที่ CBG ที่130 – 140 บาท แนะนำ TRADING   โดยรายงานว่า รายได้ของ CBG ไตรมาสที่  อยู่ที่ 4,508 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11.0% จากไตรมาสก่อน , เพิ่มขึ้น20.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ) รายได้จากสินค้าแบรนด์ตัวเองเติบโต 13.6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราส่วนรายได้ในประเทศต่อต่างประเทศที่ 40:60


ธุรกิจ ในประเทศ: รายได้ชะลอตัว 1.7% จากปีก่อน ถือว่าหดตัวน้อยกว่าที่คาดเพราะตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศในด้านปริมาณขายทั้งตลาดชะลอตัว 13.4% แต่ CBG ได้เครื่องดื่ม C+LOCK ซึ่งสร้างยอดขายเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรกช่วยลดผลกระทบ สิ้นไตรมาส 2  เครื่องดื่ม C+LOCK มีส่วนแบ่งการตลาดในเชิงปริมาณขายเป็นอันดับที่ 4 (ข้อมูล Nielsen) 


รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่าย (Third party products distribution) อยู่ที่ 598 ลบ. โตถึง 89.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความหลากหลายในสินค้าและ Cash van ที่ครอบคลุม 1.8 แสนร้านค้าทั่วประเทศ โดยในไตรมาสนี้มีการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เติบโตสูง

 

 

ต่างประเทศโตโดดเด่น

ส่วนธุรกิจในต่างประเทศ: รายได้ในต่างประเทศเติบโต 27%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2,219 ล้านบาทโดย 81% หรือ 1,800 ลบ. มาจาก CLMV และ 7% มาจากจีน ยอดขายใน CLMV เติบโตในทุกประเทศโดยในเมียนมาร์ทำระดับสูงสุดใหม่ ยอดขายในจีนอยู่ที่ 155 ลบ. ลดลง 17.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ฟื้นตัวถึง 135.3% จากไตรมาสก่อน ปัจจุบันเริ่มนำ C+LOCK ไปวางจำหน่ายใน CLMV แล้วแต่ยังไม่มีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา  


► กำไรสุทธิอยู่ที่ 881 ล้านบาท มีรายได้อื่นๆ 32 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเงินบริจากกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด19 สุทธิจากประโยชน์ทางภาษีราว 40 ล้านบาท ทำให้กำไรปกติอยู่ที่ 890 ล้านบาท  ดีกว่าคาด 11% และทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 กำไรปกติ ครึ่งปีแรกของปี 2563 อยู่ที่ 1,665 ล้านบาท คิดเป็น 49.6% ของประมาณการทั้งปีของเรา

 

 

กำไรจะดีถึงปี 2564

เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ CBG และเชื่อว่ากำไรสุทธิจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องถึง 4Q63 เป็นอย่างน้อย และมีโอกาสที่จะทำได้ต่อไปในปี 2564 เนื่องจาก


1) รายได้จาก C+LOCK ที่มีการออกรสชาติใหม่ และการส่งออกไปยัง CLMV ยังไม่รวมในประมาณการ
2) ในไตรมาสที่ ภ จะมีกำลังการผลิตใหม่ของโรงบรรจุขวดเพิ่มขึ้น 40% เป็น 4.2 ล้านขวด/วัน และบรรจุกระป๋องเพิ่มขึ้นอีก 30% เป็น 5.7 ล้านกระป๋อง/วัน ซึ่งจะทำให้รายได้ใน CLMV กลับมาเติบโตในอัตราเร่งได้จากปัจจุบันที่เต็มกำลังการผลิต
3) เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในจีน
4) ประเทศส่งออกใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างศึกษา
5) ต้นทุนบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ลดลงจากโรงงานบรรจุภัณฑ์แห่งใหม่ของบริษัท


เราอาจปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 130 – 140 บาท ซึ่งจะมี Upside gain ราว 3 – 10% จึงยังคงคำแนะนำ TRADING โดยคาดว่าราคาหุ้นจะตอบสนองเชิงบวกต่อผลประกอบการและแนวโน้มที่ยังเป็นเชิงบวก ในเชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจซื้อเก็งกำไร โดยมีจุดพิจารณาทำกำไรที่ราว 135 บาท

 

 

บล.โนมูระ มอง ราคาหุ้นบวกมากเกินไป

บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ราคาที่เหมาะสม 120 บาท ในปี 2021  แม้กำไรจะโตโดดเด่น แต่ราคาหุ้นเริ่มตึงตัว กำไร ไตรมาสที่ 2 เติบโตดีและทำ New high   ใกล้เคียงตลาดคาด จากทั้งรายได้โตตามยอดส่งออกต่างประเทศ และอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพการผลิตและการคุมต้นทุน เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2020-ถึงปี2022 เพิ่มเฉลี่ย 42% ประเมินกำไรปีนี้เพิ่ม 41% 


อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นตอบรับข่าวบวกไปมาก และไม่มี upside จาก ราคาที่เหมาะสม ใหม่ที่ 120 บาท อิง PER 32 เท่า เชิงกลยุทธ์แนะนำตัวเลือกที่ยังถูกกว่า HTC , ICHI  , OSP 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant