ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข่าว Hot วันศุกร์

โดย looking
เผยแพร่ :
71 views

กรุงศรี มองเฟดจะขึ้นดบ.ปลายปีนี้ และปีหน้ารวม 3 ครั้ง พร้อมคาดเงินบาทปี 61 ยังแข็งค่าเหตุศก.สหรัฐฯยังไม่นิ่ง

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า พร้อมคาดปีหน้ายังขึ้นอีก 2 ครั้ง แต่ยังมองเงินบาทปีหน้ายังแข็งค่า เหตุศก.ในสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภายใน

- มีความเห็นต่อผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย Fed funds ไว้ในช่วง 1.00-1.25% ตามความคาดหมาย โดยเฟดระบุถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ประเมินว่ากิจกรรมด้านเศรษฐกิจเติบโตระดับปานกลาง
  
- เงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 33.10 ต่อดอลลาร์ ในช่วงเปิดการซื้อขายเช้านี้ เทียบกับ 33.13 ช่วงท้ายตลาดเมื่อวานนี้นอกจากผลการประชุม FOMC ซึ่งเป็นไปตามคาดแล้ว ตลาดให้ความสนใจกับรายงานข่าวที่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวลล์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟด เป็นประธานเฟดคนใหม่ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทรงตัวหลังเฟดเปิดเผยแถลงการณ์ ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่าความน่าจะเป็นสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมสูงขึ้นมากกว่า 85% ปัจจัยชี้นำสำคัญถัดไป ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษช่วงค่ำของวันนี้ การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ รวมถึงความคืบหน้าของแผนปรับลดอัตราภาษีของรัฐบาลทรัมป์
  
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ล่าสุด เฟดส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไปซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 12-13 ธันวาคม ส่วนในปี 2561 คาดว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้ง แนวโน้มการปรับดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวังนี้สะท้อนว่านโยบายการเงินภายใต้การนำของนายพาวเวลล์ซึ่งมีแนวคิดด้านนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดแบบสายเหยี่ยวน้อยกว่าตัวเก็งคนอื่นๆ จะก่อให้เกิดความต่อเนื่องด้านนโยบายใกล้เคียงกับนางเยลเลน ประธานคนปัจจุบันมากที่สุด
  
- มองว่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าในปี 2561 เนื่องจากปัจจัยบวกที่จะหนุนค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลกจากการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจมีผลน้อยลง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ จะล่าช้าออกไปท่ามกลางความขัดแย้งภายใน ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำแห่งอื่นๆ เริ่มทยอยปรับสมดุลนโยบายในระยะข้างหน้า

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย


looking