บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : Healthcare Sector ให้น้ำหนักการลงทุน`มากกว่าตลาด` เลือก BCH เป็น Top Pick
ได้ยาดี ฟื้นไข้แรง กำไรโดดเด่น
3 เหตุผลที่ให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่ม โรงพยาบาล "มากกว่าตลาด" 1) กำไร 3Q60 ฟื้นตัว เด่นทั้ง YoY และ QoQ จากการเติบโตทั้งกลุ่มลูกค้าเงินสด และประกันสังคม พร้อมแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องใน 4Q60 2) ปี 2561 กลุ่มโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมจะได้รับผลบวกเต็มปีเป็นปีแรก หลังสำนักงานประกันสังคมปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว และ 3) กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนหลายบริษัทผ่านช่วงลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว และถือเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร เราประเมินกำไรปี 2561 - 2562 เติบโตเฉลี่ย 11%
ผลประกอบการ 3Q60 เด่นทั้ง YoY และ QoQ
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลรายงานกำไรจากการดำเนินงานใน 3Q60 ที่ 5,875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34%QoQ และ 11% YoY เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วง High Season ของอุตสาหกรรม กอปรกับปริมาณฝนที่ทำระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ทำให้ไข้ระบาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ฟื้นตัวจากกลุ่มเอเชีย อาทิ CLMV จีน และญี่ปุ่น ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติสูงอย่าง BH และ BDMS มีจำนวนคนไข้ต่างชาติเพิ่มขึ้นราว 6%YoY และ 8%YoY ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลภายใต้ Yuanta Coverage ของเรา 4 บริษัท (BCH BDMS LPH และ EKH) มีกำไรจากการดำเนินงานที่ 2,804 ล้านบาท ขยายตัวถึง +55%QoQ และ 11%YoY โดยโรงพยาบาลขนาดเล็ก EKH เติบโตเด่นที่สุด 32%YoY และทำสถิติกำไรสูงใหม่ของบริษัท จากจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการมากขึ้น และนโยบายการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปีก่อนที่ 38% เป็น 42% รองลงมาคือ BCH ซึ่งกำไรทุบสถิติสูงสุดเช่นกัน +76%QoQ และ 25%YoY เป็นผลบวกจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม และ WMC ที่เริ่มถึงจุดคุ้มทุนที่ EBITDA
คาดปี 2561 ตลาดประกันสังคมเด่นสุด
เรามองว่ากลุ่มโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยประกันสังคมจะโดดเด่น จากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว จากเดิม 1,460 บาท/คน/ปี เป็น 1,500 บาท/คน/ปี (+3%) เพิ่มภาระโรคเสี่ยง 3.5% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลกลุ่มนี้ได้ประโยชน์เต็มปีในปี 2561 เป็นปีแรก โดยโรงพยาบาล BCH ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีฐานผู้ประกันตนสูงสุดที่ 7.7 แสนราย แต่หากอิงตามสัดส่วนรายได้พบว่า LPH มีสัดส่วนจากประกันสังคมสูงสุดที่ 45% รองลงมาได้แก่ BCH (35%), CHG (35%) และ VIBHA (25%)
เราให้น้ำหนักการลงทุนไว้ "มากกว่าตลาด"
ด้วยผลประกอบการที่เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2561 - 2562 เฉลี่ย 11% นำโดย BCH ที่ขยายตัวสูงสุดในกลุ่ม และเราเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่ม ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 19.30 คาดว่าปี 2561- 2562 ผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 14% สนับสนุนจาก 1) การเติบโตแบบ Organic growth ที่จำนวนคนไข้เพิ่มเฉลี่ย 5% ต่อปี 2) WMC ผ่านจุดคุ้มทุนเชิง EBITDA แล้ว และคาดพลิกกลับมามีกำไรในปี 2561 และ 3) รับผลบวกเต็มปีจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมเป็นปีแรก ขณะที่เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิหุ้น EKH ในปี 2560-2561 เพิ่มขึ้น 6% และ 7% ตามลำดับ จากผลประกอบการใน 3Q60 ที่ดีเกินคาด และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 6.70 บาท แนะนำ "ซื้อ"