ส่องแนวโน้มธุรกิจ 3 หุ้นโลจิสติกส์
ใครกันแน่! ที่กำไรปี 66 โตโดดเด่น

.
ในครั้งนี้ทีมข่าว Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาส่องแนวโน้มธุรกิจของ 3 หุ้นโลจิสติกส์ มาฝากนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III และบริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ซึ่งทั้ง 3 บริษัทจะน่าสนใจแค่ไหน บทความนี้รวบรวมมาให้แล้ว
.
SJWD รับผลดี ควบรวม SCGL
มาเริ่มกันที่ SJWD นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม กล่าวว่า การรวมกิจการระหว่างบริษัท กับ SCGL จะเพิ่มศักยภาพการเติบโตและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเพิ่มรายได้ การลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
.
โดยบริษัทวางแผนขยายการลงทุนและศึกษาโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่นับตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป บริษัทจะรายงานงบการเงินที่รวมผลการดำเนินงานของ SCGL ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น
.
ขณะที่นักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่าเป็นโอกาสสะสมเพราะคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตเด่นในปี 66 และยังไม่รวม Upside risk จากการ M&A และประโยชน์จากการ Synergy ในประมาณการ คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 24.20 บาท
.
ทั้งนี้คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ SJWD ในปี 2566 หลังการควบรวมเสร็จสิ้น คาดทำให้กำไรไตรมาส 1/66 มีโอกาสทำ New high จากการรวมงบการเงินราว 60 วันในไตรมาส 1/66 และคาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนดีล M&A เพิ่มเติม คาดว่าจะมีนัยสำคัญกว่าดีลที่JWD เคยทำเองในอดีตเนื่องจากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้นของ SJWD เป็น Upside risk ต่อประมาณการ โดยคาดทั้งปี 66 จะรายงานกำไรสุทธิ 1,275 ล้านบาท เติบโต 152.97% จากปี 65
.
III ดัน ANI เข้าตลาดฯ
ถัดมา III โดยนายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แผนธุรกิจสำหรับ 4 กลุ่มธุรกิจของบริษัท มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการต่อยอดบริการโลจิสติกส์ที่มีอยู่ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย
.
รวมถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ โดยธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะโฟกัสการขยายปริมาณการขนส่งสินค้าเพื่อทดแทนค่าระวางสินค้าที่ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะค่าขนส่งทางทะเล บริษัทฯ มีแผนการขยายฐานลูกค้าใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต
.
เช่น อุตสาหกรรมในกลุ่ม Green Energy ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อยจากจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและสินค้าจำเป็น ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคยาและเวชภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าที่มีฐานการผลิตตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อส่งออก อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าเคมีและสินค้าอันตราย บริษัทฯ มีแผนขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่จะมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
.
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนในการนำ Asia Network International (ANI) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะแล้ว เสร็จภายในปี 66
.
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า คาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 ของ III จะปรับตัวขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (จากส่วนแบ่งกำไรที่มากขึ้นจากการถือสัดส่วนการลงทุน 50% ใน ANI ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วน
.
การลงทุนใน Asia GSA (M) จาก 20% ไปเป็น 100% ในไตรมาส 4/65) และเทียบไตรมาสก่อนจากการรับรู้ส่วนแบ่งรายได้อย่างเต็มไตรมาสของ Asia GSA (M) และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงตามปัจจัยทางฤดูกาล
.
ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรหลักปี 66 ไว้ดังเดิมที่ 594 ล้านบาท เติบโต 19% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิคาด 594 ล้านบาท ลดลง 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 796 ล้านบาท แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายยังคงเดิมที่ 20 บาท โดยจำนวนเที่ยวบินต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจาก ANI จะหนุนกำไรหลักปี 66
.
WICE เป้า Volume โต 15-20%
สุดท้าย WICE นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องค่าระวางเรือที่ลดลงไปเมื่อกลางปีก่อนเชื่อว่าคงไม่ลดลงเยอะกว่านี้ ประเมินว่าน่าจะถึงจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว หลังจากนี้คาดว่าค่าระวางเรือจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/66 ถือว่าเป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
.
ส่วนความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอบริการใหม่แก่ลูกค้า และยังให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศต้นทางไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงมีการจัดการคลังสินค้าแบบพร้อมส่ง คาดว่าในปีนี้จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้บริษัทราว 100 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป
.
ขณะที่ความคืบหน้าความร่วมมือทางธุรกิจ หลังจากที่ลงนาม MOU กับ SAT ล่าสุดได้เริ่มเข้าไปปรับปรุงและพัฒนาที่ดินของกลุ่มสมบูรณ์ฯ บริเวณโรงงานย่านถนนบางนา-ตราด กม.15 จังหวัดสมุทรปราการ นับเป็นโครงการนำร่องในการบริหารจัดการด้าน Green Logistics Hub โดยจะพัฒนาเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่อยอดสู่การพัฒนาในจังหวัดระยองต่อไป เพื่อการขยายธุรกิจคลังสินค้าและการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร
.
ทั้งนี้มุมมองนักวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า WICE ตั้งเป้าเชิง Volume โต 15-20% ในปีนี้ โดยมองจากการฟื้นตัวของจีน-สหรัฐ ที่บริษัทคาดจะมีการฟื้นตัวใน 2/66 หลัง Low Season ในช่วงตรุษจีน และระดับที่สูงของ Inventory ในสหรัฐฯเริ่มเบาบางลง ส่วนมุมมองค่า Freight ทางทะเล บริษัทมองว่าใกล้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มมี Downside เริ่มจำกัด
.
ส่วนการร่วมมือพัฒนา Green Logistics Hub กับ SAT ล่าสุด บริษัทมองว่าจะช่วยเสริมการเติบโตทางธุรกิจของ WICE ในส่วนของ Logistics Management ด้านการบริหารคลังสินค้าเพิ่มเติม (คิดเป็น Upside ต่อประมาณการราว 5-6% ในปี 67)
.
สำหรับปี 66 คงกำไรสุทธิไว้ที่ 544 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน เนื่องจากมองภาพอุตสาหกรรมมีโอกาสเผชิญความเสี่ยงในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ที่อาจกระทบเชิงลบต่อสินค้าคงทน เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็น 2 กลุ่มสินค้าหลักของบริษัท รวมถึงความเสี่ยงเรื่องค่าระวางเรือที่อาจปรับตัวลดลงได้อีกบ้าง จาก Supply ของเรือที่เพิ่มขึ้น
.
ด้านในปี 67 เชื่อว่าจะได้เห็นการฟื้นตัวของรายได้และกำไร โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 590 ล้านบาท โต 9% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าของบริษัทและการควบคุมต้นทุนที่จะเริ่มออกดอกออกผล จึงแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท