ห้องเม่าปีกเหล็ก

มองหุ้นเด่น : TTA กำลังจะเปลี่ยนธุรกิจ!!!

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
63 views

กลับมาฮ๊อตกันอีกครั้งกับหุ้น TTA แมวเก้าชีวิตสำหรับนักเล่นหุ้นที่อยู่ยงคงกระพันมานาน ตั้งแต่สมัยธุรกิจเดิม คือ เดินเรือและวิศวกรรมใต้น้ำที่ไปซื้อขายไกลต่างแดนอย่างเมอร์เมด มารีไทม์ ก่อนที่จะถูกเทคโอเวอร์เปลี่ยนมือมาเป็นกลุ่มมหากิจศิริ และมีผู้บริหารหนุ่มสุดหล่ออย่างพี่กึ่ง "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" มาบริหาร TTA ดูเหมือนว่า TTA จะเริ่มหาฝั่งเจอหลังจากลอยไปไกลอยู่กลางทะเลมานานแสนนาน กำไรบ้างขาดทุนบ้าง ตอนนี้ TTA จะกลับมาเปลี่ยนธุรกิจให้นักลงทุนได้มีสตอรี่เล่นเก็งกำไรกันอีกครั้งTTA หรือ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ ดำเนินธุรกิจธุรกิจการลงทุน โดยลงทุนใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจอื่นๆ โดยมีบริษัทย่อยหลักๆ 4 บริษัทได้แก่
1.โทรีเซน ชิปปิ้ง กรุ๊ป (TSG) ประกอบธุรกิจขนส่งทางเรือ
2.เมอร์เมด มาริไทม์ (MML) ให้บริการเรือขุดเจาะใต้ทะเล
3.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) ลงทุนในธุรกิจปุ๋ยชื่อบาคองโก ที่เวียดนาม
และ 4.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) นำเข้าและจำหน่ายถ่านหิน

ถือหุ้นใหญ่โดยกลุ่มมหากิจศิริ ซึ่งมีนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ถือหุ้นอยู่ 13.79% และคนอื่นๆรวมแล้วน่าจะถืออยู่ประมาณ 20% ทีเหลืออีก 72% ถือโดยนักลงทุนรายย่อยที่มีมากถึง 2.3 หมื่นคน

 

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมาผลประการของ TTA ค่อนข้างลุ่มๆดอนๆ มีกำไรบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะหนักไปทางขาดทุนเป็นส่วนใหญ่ ปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 2.1 หมื่นล้าน แต่ผลประกอบการขาดทุนสูงถึง 1.1 หมื่นล้าน ในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 1.4 หมื่นล้าน แต่ก็ยังขาดทุนอยู่ถึง 400 ล้าน ถือว่าเป็นบริษัทยิ่งทำยิ่งขาดทุน ยังมองกำไรไม่เห็น

 

เมื่อไม่กี่วัน TTA ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ที่มีกำไรแตะระดับ 214 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการ 6 เดือนมีกำไรสะสมไปแล้ว 300 ล้านบาท ซึ่งถือว่าดีกว่าไตรมาส 2/59 ที่ยังขาดทุนอยู่ 261 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากธุรกิจเดินเรือที่มีค่าดัชนีระวางเรือสูงขึ้นถึง 20% เลยทีเดียว อีกทั้งความต้องการนำเข้าถ่านหินและแร่เหล็กของจีนมีสูงมาก ทำให้ธุรกิจเดินเรือฟื้นตัวอีกครั้ง อีกทั้งธุรกิจอื่นๆก็เติบโตได้ดี และธุรกิจถ่านหินของ UMS ก็ปรับตัวดีขึ้นตามราคาถ่านหินโลกที่ปรับตัว

 

TTA ยังเปิดสอตรี่ใหม่ ด้วยการประกาศเข้าลงทุนในธุรกิจอาหาร "พิซซ่า ฮัท" ในไทยต่อเนื่องจากเมื่อปลายปี57 ที่ได้ลงทุนธุรกิจเครื่องดื่มในจีน คือ "ไซโน แกรนด์เนส" นับว่าเป็นข่าวด้านบวกต่อ TTA ในแง่มุมของการกระจายความเสี่ยงจากพอร์ตธุรกิจหลักเดิม 3 กลุ่ม ได้แก่ ขนส่ง พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน



TTA แจ้งว่าจะเข้าซื้อกิจการ "พิซซ่า ฮัท" ในไทยคาดเริ่มประกอบธุรกิจในสิ้น Q2/60 โดยมีแผนทยอยเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทย อีกกว่า100 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งหมด 92 สาขาทั่วประเทศ

 

มุมมองโบรกฯ เห็นว่า การลงทุนธุรกิจอาหารเป็นประเด็นที่น่าติดตามตอนต่อไป เพราะเป็นธุรกิจใหม่ ขณะที่หุ้น TTA ในปัจจุบันถือว่าน่าสนใจ เพราะราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (B/V) ประกอบกับบริษัทฯ มีเงินสดในมือมากพร้อมลงทุน เคาะราคาเป้าหมายในช่วง 10.70-12.60 บาท



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า TTA ยังคงถือเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมหมื่นล้านบาท ซึ่งตลาดกําลังติดตามว่าจะถูกนําไปใช้อย่างไรให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากธนาคาร และลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งล่าสุดที่ TTA ได้ลดขนาดกองเรือ และเริ่มเข้าลงทุนในธุรกิจอาหารอย่าง "พิซซ่า ฮัท" เป็นประเด็นที่ต้องติดตามในระยะยาว และปัจจุบัน TTA ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี 15% จึงยังคงคำแนะนำซื้อที่ 12.60 บาท อิง P/BV ที่ 1 เท่า



บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินราคาพื้นฐาน 12 บาท พร้อมระบุค่าระวางเรือเริ่มเข้าสู่ช่วง high season ขณะที่ราคาปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 11.50 บาท อีกทั้งบริษัทยังมีเงินสดในมือรอการลงทุนอีกมาก



บล.ฟิลลิป ปรับราคาพื้นฐานปี60 เป็น 10.70 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”
ด้าน "บล.เอเชีย เวลท์" มองว่า TTA เข้าสู่ธุรกิจอาหาร "พิซซ่า ฮัท" เป็นการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม และคาดว่าต้องเพิ่มการลงทุนในอนาคตเพื่อขยายตลาดให้ Pizza Hut เพิ่ม

 

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ได้ออกมาให้ข่าวสื่อมวลชนว่าจะลดสัดส่วนธุรกิจเดิมลง คือ เดินเรือและวิศวกรรมใต้ทะเลลง และหันไปทำธุรกิจอาหาร โลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ธุรกิจเดิมคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% และจะพยายามลดให้เหลือ 40% ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยธุรกิจอาหารจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300-500 ล้านบาทในการขยายร้าน "พิซซ่า ฮัท" เพิ่มอีก 100 สาขา และลงทุน 300 ล้านบาทกับธุรกิจสตาร์ทอัพ

 

เหมือนว่า TTA จะเริ่มดูดีขึ้นเรื่อยๆและหาฝั่งให้กับผู้ถือหุ้นที่ลอยคออยู่กลางทะเลมานานแสนนาน ธุรกิจอาหาร และธุรกิจที่มีกระแสร้อนแรงอย่างสตาร์ทอัพจะเป็นตัวผลักดันกำไรให้กับมุลค่าหุ้นของ TTA ได้หรือไม่ งบของปี 2560 จะเป็นตัวตัดสินอนาคตของ TTA ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์กับตลาดหุ้นมาอย่างยาวนาน แค่นามสกุลมหากิจศิริ ก็ทำให้สบายใจไปได้หลายส่วน ไม่เชื่อไปถามผู้ถือหุ้น INOX ดูได้

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีไฟแนนซ์ไทย และหนังสือพิมพ์ทันหุ้น


คนเล่นหุ้น