ห้องเม่าปีกเหล็ก

คัดมาให้! 8 หุ้น กำไรปี 66 โตเด่น

โดย ลิงทะโมน
เผยแพร่ :
443 views

คัดมาให้! 8 หุ้น กำไรปี 66 โตเด่น

รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ-เลือกตั้ง

 

.

กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปีที่ผ่านมา ทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 9.7 แสนล้านบาท แม้ว่าจะเป็นระดับที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สิ่งที่สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนเห็นทีจะเป็นช่วงไตรมาส 4/65 ที่หลายบริษัทรายงานออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์

.

ทำให้ภาพการลงทุนในปี 2566 มีนักลงทุนที่เริ่มเฟ้นหาบริษัทที่จะสามารถมีการเติบโตของกำไรได้ดี เพื่อการสร้างผลตอบแทนให้แก่พอร์ตการลงทุนมากขึ้น ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงขอโอกาสในการหยิบยกมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่านในครั้งนี้

.

โดยบทวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า ให้คาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/66 จะทรงตัวหรืออ่อนตัวลงเล็กน้อยจากช่วงไตรมาส 1/65 ที่ทำได้ 2.4 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาพลังงานมีการปรับตัวลง แต่อย่างไรก็ตามจะกลับมาเร่งตัวจากไตรมาสหน้าได้อีกครั้ง

.

ทั้งนี้ด้วยแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้นหลังจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ตามปกติซึ่งสะท้อนมายัง PMI ภาคการผลิตที่กลับมาเร่งตัวขึ้นในเดือน ม.ค-ก.พ.66 ส่วนกลุ่มพลังงานจะขาดทุนจากสต็อกลดลง เพราะราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวจากไตรมาสก่อน และโครงการช้อปดีมีคืนช่วยหนุนยอดขายกลุ่มค้าปลีก

.

ขณะที่คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะกลับมาเติบโตได้โดนเด่นในช่วงครึ่งปีหลังปี 66 จากฐานต่ำ จึงแนะนำ 3 ธีมการลงทุนในหุ้นที่รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ,การเลือกตั้งในประเทศเดือน พ.ค. และการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย

.

สำหรับกลุ่มเด่นส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อิงการบริโภค ประกอบไปด้วย ธนาคารพาณิชย์ ,ค้าปลีก ,อาหารเครื่องดื่ม,สื่อสาร ,นิคมอุตสาหกรรม รวมถึงปิโตรเคมี ที่สามารถเลือกลงทุนแบบ Bottom fishing ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่หุ้นเด่นที่เข้าธีมและกำไรปีนี้โตเด่นคือ SCB, BJC, CPALL, OSP, M, WHA, IRPC และSJWD

.

สำรวจปัจจัยพื้นฐาน

โดย SCB บทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดการณ์กำไรในปี 2566 ที่ 47,528 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 26.6% ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้นและลูกหนี้ในพอร์ตยังมีความสามารถในการชำระเงินคืนอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้ต้นทุนการเงินลดลง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 144 บาท

.

ส่วน BJC บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 6,367 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 28% ตามอานิสงส์เปิดประเทศ พร้อมกับความสำเร็จในการปรับกลยุทธ์ขายและการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของ BigC จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 44 บาท

.

ด้าน CPALL บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 18,550 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 40% ตามภาวะการบริโภคและท่องเที่ยว หนุนการเติบโตยอดขายสาขาเดิมร้าน 7-11 ,แมคโครและโลตัสส์ ในขณะที่ด้านมาร์จิ้นจะได้อานิสงส์จากฝั่งแมคโครที่รายจ่ายทางการเงินจะค่อยๆลง จึงแนะนำ “TRADING BUY” ราคาเป้าหมายที่ 70 บาท

.

ส่วน OSP บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 2,807 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 45% จากต้นทุนที่ลดลงจากราคาก๊าซปรับตัวลงและประสิทธิภาพด้านต้นทุนดีขึ้นจากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับอานิสงส์จากกระทิงแดงปรับราคาขึ้น ทำให้มีโอกาสได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น จึงแนะนำ “TRADING BUY” ราคาเป้าหมายที่ 31 บาท

.

ต่อมา M บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 1,692 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 18% ตามรายได้และการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ที่ได้แรงหนุนจากภาคการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นและนักท่องเที่ยวจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น จึงให้คำแนะนำ “Trading Buy” และราคาเป้าหมายที่ 59 บาท

.

ขณะที่ WHA บทวิเคราะห์บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 3,862 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 18% ตามยอดโอนที่สูงที่ 1.3 พันไร่ จากการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการ EV ที่เพิ่มขึ้นและรวดเร็ว ขณะที่นิคม Nghe An จะกลับมาขายที่ดินได้เพิ่มขึ้น และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าที่ดีขึ้น จึงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท

.

ถัดมา IRPC บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์ปี 2566 จะพลิกกลับมามีกำไร 544 ล้าบาท เพราะไม่มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่มาฉุดเหมือนปี 2565 ขณะที่สเปรดปิโตรเคมีบางส่วนฟื้นตัวตามความต้องการจากจีน และอัตรากำไรธุรกิจโรงไฟฟ้าฟื้นตัวกลบต้นทุนคงที่ได้ จึงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 3.80 บาท

.

สุดท้าย SJWD บทวิเคราะห์บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คาดการณ์กำไรปี 2566 ที่ 1,104 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า119% จากการควบรวมกิจการกับ SCGL มาจากธุรกิจเดิมของ JWD และ SCGL รายละประมาณ 552 ล้านบาท ผลบวกจากธุรกิจยานยนต์, ขนส่ง, คลังสินค้าทั่วไป และห้องเย็นที่เติบโตดี จึงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 23 บาท

 

 


ลิงทะโมน