ฟัน 3 ธง! :
1) ฟันธงที่ 1 : ทิศทางของตลาดหุ้นไทยจะขึ้นอยู่กับ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก โดย :
1) ถ้านักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ ตลาดหุ้นไทยก็จะเป็นขาขึ้น และกลยุทธการลงทุนก็คือ Long Set 50 Index Futures
2) ถ้านักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ ตลาดหุ้นไทยก็จะเป็นขาลง และกลยุทธการลงทุนก็คือ Short Set 50 Index Futures
เพราะในปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็น 40% นักลงทุนรายย่อย 35% ส่วนนักลงทุนสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อย่างละ 12.5% แค่นั้นเอง
และ ในปัจจุบันคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นขาขึ้นอยู่ เพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ คือ :
" หรั่ง " ซื้อ/ขายหุ้นไทยสุทธิ ( ล้าน บาท ) :
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ปี พ.ศ 2562 Set Index ปิดที่ 1,625 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสะสมหุ้นไทยสุทธิ -12,892 ล้าน บาท และเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 Set Index ปิดที่ 1,679 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสะสมหุ้นไทยสุทธิ -10,048 ล้าน บาท เพราะฉะนั้น Set Index เพิ่มขึ้น ( 1,679 - 1,625 ) = +54 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ ( 12,892 - 10,048 ) = +2,844 ล้าน บาท
1) 3/5/2019 = -1,663.84
2) 7/5/2019 = -635.35
3) 8/5/2019 = -1,885.16
4) 9/5/2019 = -2,207.03
5) 10/5/2019 = -1,600.12
6) 13/5/2019 = -703.51
7) 14/5/2019 = -2,679.23
8) 15/5/2019 = -847.69
9) 16/5/2019 = -1,969.73
10) 17/5/2019 = -1,394.36
11) 21/5/2019 = +834.38
12) 22/5/2019 = +2,267.04
13) 23/5/2019 = -1,512.73
14) 24/5/2019 = +366.38 ( -13,630.95 และ Set Index ปรับตัวลดลงจาก 1,679 จุด มาอยู่ที่ 1,599 จุด หรือ ลดลง -80 จุด )
15) 27/5/2019 = -321.43
16) 28/5/2019 = +12,534.95
17) 29/5/2019 = +1,247.82 ( +13,461.34 และ Set Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,599 จุด มาปิดที่ 1,619 จุด หรือเพิ่มขึ้น +20 จุด ) และนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสะสมสุทธิ -10,218 ล้าน บาท
18) 30/5/2019 = +2,673.95 ล้าน บาท นักลงทุนต่างชาติขายสะสมหุ้นไทยสุทธิ -7,544.63 ล้าน บาท และ Set Index ปิดที่ 1,621 จุด
19) 31/5/2019 = +1,507.93 ล้าน บาท นักลงทุนต่างชาติขายสะสมหุ้นไทยสุทธิ -6,036.70 ล้าน บาท และ Set Index ปิดที่ 1,620 จุด
20) 4/6/2019 = +5,826.05 ล้าน บาท นักลงทุนต่างชาติขายสะสมหุ้นไทยสุทธิ -210.65 ล้าน บาท และ Set Index ปิดที่ 1,637 จุด
21) 5/6/2019 = +4,798.10 ล้าน บาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยสุทธิ +4,587.45 ล้าน บาท ล้าน บาท และ Set Index ปิดที่ 1,648 จุด
22) 6/6/2019 = +1,048.25 ล้าน บาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยสุทธิ +5,635.70 ล้าน บาท ล้าน บาท และ Set Index ปิดที่ 1,653 จุด
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.set.or.th )
2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futuresในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com
2) ฟันธงที่ 2 : พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชาได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ปี พ.ศ 2562 เพราะทําให้บ้านเมืองไทยสงบเรียบร้อยดี แต่ถ้าบ้านเมืองไทยไม่สงบเรียบร้อยดี ก็มีกําลังทหารที่ให้การสนับสนุนเพื่อทําการปฏิวัติได้ตลอดเวลา คือพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ( ผู้บัญชาการทหารบก ) และจากผลงานดังกล่าวข้างต้น จะทําให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้รับการยกย่องให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย
3) ฟันธงที่ 3 : ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะได้รับเลือกตั้งให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้อีกสมัยหนึ่งในวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ 2563 ด้วยผลงานการชนะสงครามการเงินและสงครามการค้ากับจีน และสามารถฆ่าจีนได้สําเร็จ และทําให้สหรัฐอเมริกาดํารงความเป็นมหาอํานาจอันดับ 1 ของโลกต่อไปได้อีกนานเท่านาน และจากผลงานดังกล่าวข้างต้นนี้ จะทําให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา
ส่วนแผนการ และขั้นตอนการฆ่าจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็น่าจะเป็นไปตามขั้นตอน ดังนี้ คือ :
1) ค่อยๆลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้จีนตายใจ
2) ปรับขึ้นภาษีสําหรับสินค้าที่เหลืออีกจํานวน 325,000 ล้าน USD จาก 0% เป็น 25% แบบทันทีทันใด เพื่อให้จีนไม่ทันตั้งตัว
3) เมื่อเห็นว่าจีนอ่อนแรงแล้วจากการตกงานของคนงานชาวจีนเป็นล้านๆคน หรือหลายสิบล้านคน ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าอย่างรุนแรง จากการปรับขึ้นภาษีจาก 0% เป็น 25% ของสินค้านําเข้าจากจีนทั้งหมดจํานวน 250,000 + 325,000 = 575,000 ล้าน USD แล้ว สหรัฐอเมริกาก็จะปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ขึ้นทันทีทันควัน แบบไม่ให้จีนตั้งตัวอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการตอกฝาโลงศพจีนในหมัดสั่งชุดสุดท้ายนี่เอง! เพราะหนี้สินของจีนสูงถึง 260% ของ GDP ( หนี้สาธารณะ ( 50% ) + หนี้ภาคเอกชน ( 210% ) ) และทนต่อสภาวะดอกเบี้ยที่สูงๆไม่ได้ และแล้ว เมื่อถึงวันนั้นจีนก็จะประสบปัญหาเงินเฟ้อเหมือนกับที่เกิดขึ้นในเวเนซูเอลาในปัจจุบัน และซิมบับเวในอดีต
และในที่สุดแล้ว ผลที่เกิดขึ้นหลังนั้นก็คือจีนก็จะล่มจม จากการเป็นผู้ที่ทรยศหลักหลังสหรัฐอเมริกา เหมือนกับที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี ค.ศ 1989 อย่างใดอย่างนั้นเลยหละ คร๊าบ พี่น้อง!